วาฟเฟิลเป็นขนมที่ทำจากแป้งที่ปรุงระหว่างสองแผ่นที่มีลวดลายเพื่อให้ได้ขนาด รูปร่าง และพื้นผิวที่มีลักษณะเฉพาะ วาฟเฟิลมีหลากหลายรูปแบบตามประเภทของเหล็กวาฟเฟิลและสูตรที่ใช้
วาฟเฟิลมักเสิร์ฟร้อนๆ กับน้ำเชื่อม ไอศกรีมหรือผลไม้ วาฟเฟิลยังสามารถเสิร์ฟแบบคาวได้ เช่น กับไก่ เบคอน หรือแฮม วาฟเฟิลเป็นอาหารยอดนิยมทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเบลเยียม ซึ่งเป็นประเทศที่คิดค้นวาฟเฟิลแบบดั้งเดิม
วาฟเฟิลมีต้นกำเนิดในยุโรปตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ในช่วงแรก วาฟเฟิลทำจากแป้งสาลี น้ำ และเกลือ ต่อมามีการเพิ่มส่วนผสมอื่นๆ เช่น ไข่ นม น้ำตาล และยีสต์ การทำวาฟเฟิลต้องใช้เครื่องทำวาฟเฟิล ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่มีสองแผ่นที่มีลวดลาย แป้งวาฟเฟิลจะเทลงในเครื่องทำวาฟเฟิลและปรุงจนเป็นสีทอง
วาฟเฟิลมีหลากหลายรูปแบบ วาฟเฟิลแบบดั้งเดิมมีรูปร่างสี่เหลี่ยมและมีลักษณะคล้ายรังผึ้ง วาฟเฟิลชนิดอื่นๆ อาจมีรูปร่างและพื้นผิวที่แตกต่างกัน เช่น วาฟเฟิลแบบกลม วาฟเฟิลแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัส หรือวาฟเฟิลแบบบาง วาฟเฟิลบางชนิดอาจมีส่วนผสมพิเศษ เช่น ช็อคโกแลต ถั่ว หรือผลไม้
วาฟเฟิลเป็นอาหารยอดนิยมทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเบลเยียม ซึ่งเป็นประเทศที่คิดค้นวาฟเฟิลแบบดั้งเดิม วาฟเฟิลเบลเยียมมีรูปร่างสี่เหลี่ยมและมีลักษณะคล้ายรังผึ้ง วาฟเฟิลเบลเยียมมักเสิร์ฟร้อนๆ กับน้ำเชื่อม ไอศกรีมหรือผลไม้
วาฟเฟิลสามารถเสิร์ฟเป็นอาหารเช้า อาหารกลางวัน หรืออาหารเย็น วาฟเฟิลเป็นอาหารอร่อยและน่ารับประทานที่เหมาะสำหรับทุกโอกาส วาฟเฟิลจึงเป็นอาหารยอดนิยมที่ได้รับความนิยมจากผู้คนทั่วโลก
ประโยชน์ของวาฟเฟิล
วาฟเฟิลเป็นขนมหวานที่มีคุณค่าทางโภชนาการ โดยวาฟเฟิลแบบดั้งเดิม 1 ชิ้น (ประมาณ 80 กรัม) ให้พลังงานประมาณ 270 แคลอรี่ ประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรต 50 กรัม โปรตีน 7 กรัม และไขมัน 10 กรัม
คาร์โบไฮเดรตในวาฟเฟิลเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ซึ่งร่างกายจะย่อยและดูดซึมช้ากว่าคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว จึงให้พลังงานแก่ร่างกายได้ยาวนาน โปรตีนในวาฟเฟิลช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ไขมันในวาฟเฟิลเป็นไขมันดี ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น ช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอลและลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
คุณค่าทางโภชนาการของวาฟเฟิล
วาฟเฟิลเป็นขนมหวานที่มีคุณค่าทางโภชนาการ โดยวาฟเฟิลแบบดั้งเดิม 1 ชิ้น (ประมาณ 80 กรัม) ให้พลังงานประมาณ 270 แคลอรี่ ประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรต 50 กรัม โปรตีน 7 กรัม และไขมัน 10 กรัม
คาร์โบไฮเดรต
คาร์โบไฮเดรตในวาฟเฟิลเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ซึ่งร่างกายจะย่อยและดูดซึมช้ากว่าคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว จึงให้พลังงานแก่ร่างกายได้ยาวนาน คาร์โบไฮเดรตในวาฟเฟิลส่วนใหญ่มาจากแป้งสาลี ซึ่งเป็นแหล่งของใยอาหารและวิตามินบี
โปรตีน
โปรตีนในวาฟเฟิลช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ โปรตีนในวาฟเฟิลส่วนใหญ่มาจากไข่ไก่ ซึ่งเป็นแหล่งของโปรตีนคุณภาพดี
ไขมัน
ไขมันในวาฟเฟิลเป็นไขมันดี ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น ช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอลและลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ ไขมันในวาฟเฟิลส่วนใหญ่มาจากเนยละลาย ซึ่งเป็นแหล่งของไขมันอิ่มตัวเชิงเดี่ยวและไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน
วิตามินและแร่ธาตุ
วาฟเฟิลเป็นแหล่งของวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด เช่น วิตามินบี ธาตุเหล็ก ธาตุแคลเซียม และธาตุฟอสฟอรัส
เคล็ดลับในการเลือกซื้อและเก็บรักษาวาฟเฟิล
เมื่อเลือกซื้อวาฟเฟิลควรเลือกวาฟเฟิลที่สดใหม่ มีสีเหลืองทอง เนื้อนุ่ม ไม่แข็งกระด้าง และไม่มีกลิ่นหืน
วาฟเฟิลสามารถเก็บรักษาในตู้เย็นได้ประมาณ 3-5 วัน หรือเก็บรักษาในช่องแช่แข็งได้นานถึง 3 เดือน
สูตรการทำวาฟเฟิล
ส่วนผสม
- แป้งสาลีอเนกประสงค์ 2 ถ้วยตวง
- น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วยตวง
- ผงฟู 1 ช้อนชา
- เกลือ 1/2 ช้อนชา
- ไข่ไก่ 2 ฟอง
- นมสดรสจืด 1 ถ้วยตวง
- เนยละลาย 1/4 ถ้วยตวง
- กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
วิธีทำวาฟเฟิล
- ร่อนแป้งสาลี ผงฟู และเกลือเข้าด้วยกัน
- ตีไข่ไก่กับน้ำตาลทรายให้เข้ากันจนขึ้นฟู
- ใส่นมสด เนยละลาย และกลิ่นวานิลลาลงไป คนให้เข้ากัน
- เทส่วนผสมของเหลวลงในส่วนผสมของแห้ง ตีให้เข้ากัน
- เทแป้งวาฟเฟิลลงในเครื่องทำวาฟเฟิล ปิดฝาและรอจนสุก
- เสิร์ฟวาฟเฟิลร้อนๆ กับน้ำเชื่อม ไอศกรีมหรือผลไม้ตามชอบ
เคล็ดลับในการทำวาฟเฟิล
- หากต้องการวาฟเฟิลที่มีกลิ่นหอมยิ่งขึ้น ให้เพิ่มกลิ่นวานิลลาลงไปมากขึ้น
- หากต้องการวาฟเฟิลที่มีรสหวานยิ่งขึ้น ให้เพิ่มปริมาณน้ำตาลทรายลงไปมากขึ้น
- หากต้องการวาฟเฟิลที่มีรสเค็มยิ่งขึ้น ให้เพิ่มปริมาณเกลือลงไปมากขึ้น