-->

จะรู้ได้อย่างไรว่าโทรศัพท์ของคุณถูกแฮ็ก





Laz Flash Sale ลดแรงกว่า 90%
ดีลจำกัดเวลา ให้คุณเลือกซื้อสินค้าราคาพิเศษได้ทุกวัน สินค้าลดราคากับ Flash Sale
Lazada แฟลชเซล จัดเต็มดีลฮิตทุกวัน ช้อปออนไลน์ 24 ชั่วโมง ☆ดีลจำกัดเวลาสุดฮอต ☆ลดราคาแรง ☆สินค้าหลากหลาย

ช้อปเลย





จะรู้ได้อย่างไรว่าโทรศัพท์ของคุณถูกแฮ็ก



โทรศัพท์มือถือสามารถถูกแฮ็กได้หรือไม่? แน่นอนสมาร์ทโฟนสามารถถูกแฮ็กได้ โดยสมาร์ทโฟนเป็นคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และเช่นเดียวกับคอมพิวเตอร์ทั่วไป สมาร์ทโฟนเหล่านี้อาจเสี่ยงต่อการถูกแฮ็กข้อมูลได้ แฮ็กเกอร์สามารถเข้าถึงสมาร์ทโฟนได้หลายวิธี เช่น ใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ในระบบปฏิบัติการหรือติดตั้งมัลแวร์ผ่านแอปที่เป็นอันตรายหรือการโจมตีแบบฟิชชิง หรือการหลอกให้คลิกลิงค์




เมื่อสมาร์ทโฟนถูกแฮ็ก ผู้โจมตีอาจเข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนได้ เช่น ข้อมูลส่วนตัว รูปภาพ และรหัสผ่าน นอกจากนี้ยังสามารถใช้อุปกรณ์เพื่อส่งและรับข้อความหรือโทรออกโดยที่เจ้าของไม่ทราบ หรือที่เลวร้ายที่สุดคือการเข้าไปโอนเงินจากบัญชีธนาคาร ที่อยู่บน Application ธนาคาร ต่างๆของคุณจนเกลี้ยงบัญชี




เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญคือต้องดำเนินการเพื่อปกป้องสมาร์ทโฟนของคุณจากความพยายามในการแฮ็ก เช่น การใช้รหัสผ่านที่รัดกุม การอัปเดตระบบปฏิบัติการและแอปของคุณให้ทันสมัยอยู่เสมอ และหลีกเลี่ยงการดาวน์โหลดแอปจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ หากคุณสงสัยว่าสมาร์ทโฟนของคุณถูกแฮ็ก คุณควรดำเนินการทันทีเพื่อรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์ เช่น รีเซ็ตโทรศัพท์เป็นการตั้งค่าจากโรงงาน หรือขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์มืออาชีพ ที่จะช่วยให้คุณนั้นสามารถที่ต้องการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้อย่างดีที่สุด




สัญญาณบ่งชี้ว่ามีคนกำลังแฮ็กโทรศัพท์ของคุณ:





1.แบตเตอรี่หมดเร็ว: หากคุณสังเกตว่าแบตเตอรี่โทรศัพท์หมดเร็วกว่าปกติ อาจเป็นเพราะติดมัลแวร์ มัลแวร์มักจะทำงานในพื้นหลัง ใช้ทรัพยากรและทำให้แบตเตอรี่โทรศัพท์หมด เร็วกว่าปกติหรือเร็วกว่าที่ควรจะเป็นจนผิดสังเกต



2.การใช้ข้อมูลที่ผิดปกติ: หากคุณสังเกตเห็นว่าโทรศัพท์ของคุณใช้ข้อมูลมากกว่าปกติ อาจเกิดจากการแฮ็ค แฮ็กเกอร์สามารถใช้โทรศัพท์ของคุณเพื่อส่งข้อความสแปม โทรออก หรือแม้แต่ขุดคริปโตเคอเรนซี ทั้งหมดนี้อาจส่งผลให้มีการใช้ข้อมูลสูงขึ้น ซึ่งเกิดขึ้นจากการที่แฮกเกอร์นั้นเข้ามาควบคุมเครื่องโทรศัพท์ของคุณให้ทำกิจกรรมบางอย่างเพื่อส่งข้อมูลผ่านระบบเครือข่ายจนทำให้การใช้ข้อมูลนั้นสูงขึ้นกว่าปกติกว่าสิ่งที่ควรจะเป็น



3.ป๊อปอัปและการแจ้งเตือนแปลกๆ: หากคุณได้รับป๊อปอัปหรือการแจ้งเตือนแปลกๆ อาจเกิดจากการติดมัลแวร์ ป๊อปอัปและการแจ้งเตือนเหล่านี้อาจแจ้งให้คุณคลิกลิงก์ที่นำไปสู่เว็บไซต์ฟิชชิ่งหรือดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตราย ซึ่งคุณไม่เคยพบเห็นมาก่อนในโทรศัพท์เครื่องนี้




4.แอปทำงานผิดปกติ: หากแอปของคุณทำงานผิดปกติ เช่น หยุดทำงานหรือค้าง อาจเกิดจากการติดมัลแวร์ มัลแวร์อาจรบกวนการทำงานของแอปและทำให้แอปทำงานผิดปกติได้ควรที่จะทำการถอนการติดตั้งหรือลบ Application เหล่านั้นออกไปก่อน




5.การรับส่งข้อมูลที่เพิ่มขึ้น: หากคุณสังเกตเห็นว่าโทรศัพท์ของคุณกำลังส่งหรือรับข้อมูลแม้ในขณะที่คุณไม่ได้ใช้งาน อาจเป็นสัญญาณของการแฮ็ก แฮ็กเกอร์สามารถใช้โทรศัพท์ของคุณเพื่อควบคุมจากระยะไกล ส่งข้อมูล หรือขโมยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ




6.การเรียกเก็บเงินที่อธิบายไม่ได้: หากคุณเห็นการเรียกเก็บเงินที่อธิบายไม่ได้ในบิลค่าโทรศัพท์ อาจเกิดจากการแฮ็ก แฮ็กเกอร์สามารถใช้โทรศัพท์ของคุณเพื่อโทรออกหรือส่งข้อความ ส่งผลให้เกิดการเรียกเก็บเงินที่คุณไม่ได้อนุญาต 


จะรู้ได้อย่างไรว่าโทรศัพท์ของคุณถูกแฮ็ก



วิธีการแก้ไขถ้าคุณสงสัยว่าถูกแฮ็ก:




หากคุณสงสัยว่าโทรศัพท์ของคุณถูกแฮ็ก มีหลายขั้นตอนที่คุณสามารถทำได้เพื่อป้องกันตัวคุณเองเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าวลุกลามและช่วยในการหยุดปัญหาดังกล่าวที่จะทำให้คุณนั้นเกิดปัญหาในการใช้งานและความปลอดภัยต่างๆตามมาได้แก่





1.ติดตั้งแอพป้องกันไวรัส: การติดตั้งแอพป้องกันไวรัสสามารถช่วยตรวจจับและลบมัลแวร์ออกจากโทรศัพท์ของคุณ ขอแนะนำให้ติดตั้งแอปป้องกันไวรัสที่มีชื่อเสียงซึ่งอัปเดตเป็นประจำ  และควรที่จะดาวน์โหลดและติดตั้งจาก App Store หรือ Google Play Store ที่ได้รับการยืนยันว่าเป็น antivirus ของแท้เท่านั้น




2.รีเซ็ตโทรศัพท์: หากคุณสงสัยว่ามีการแฮ็ก คุณสามารถรีเซ็ตโทรศัพท์เป็นการตั้งค่าจากโรงงาน การดำเนินการนี้จะลบข้อมูลทั้งหมดในโทรศัพท์ของคุณ รวมถึงมัลแวร์หรือไวรัสที่อาจมีอยู่ ที่อาจจะสามารถหยุดการทำงานของไวรัสได้สำหรับไวรัสบางประเภท




3.เปลี่ยนรหัสผ่านของคุณ: เปลี่ยนรหัสผ่านสำหรับบัญชีทั้งหมดของคุณ รวมถึงอีเมล โซเชียลมีเดีย และแอพธนาคาร ใช้รหัสผ่านที่คาดเดาได้ยากและหลีกเลี่ยงการใช้รหัสผ่านเดียวกันสำหรับหลายบัญชี เนื่องจากว่าไวรัสหรือมัลแวร์บางตัวอาจจะได้รหัสผ่านของคุณไปโดยการดักจับรหัสผ่านถ้าคุณสามารถที่จะทำการเปลี่ยนรหัสผ่านได้ทันข้อมูลต่างๆเหล่านั้นของคุณก็จะสามารถที่จะทำการป้องกันไม่ให้ข้อมูลโหลดเข้าถึงได้




4.ติดต่อผู้ให้บริการโทรศัพท์ของคุณ: หากคุณสงสัยว่ามีการแฮ็ก โปรดติดต่อผู้ให้บริการโทรศัพท์ของคุณทันที พวกเขาสามารถช่วยคุณระบุกิจกรรมที่น่าสงสัยและดำเนินการเพื่อปกป้องโทรศัพท์และบัญชีของคุณ ไม่ว่าจะเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือหรือ Application ธนาคารต่างๆเพื่อระงับการจ่ายเงินหรือทำธุรกรรมชั่วคราวถ้าจำเป็น




สรุป การตระหนักถึงสัญญาณของการแฮ็กโทรศัพท์เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันตัวเองจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ หากคุณสงสัยว่ามีการแฮ็ก ให้ดำเนินการทันทีเพื่อปกป้องตัวคุณเองและข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ เมื่อทำตามขั้นตอนที่จำเป็น คุณจะมั่นใจได้ว่าโทรศัพท์ของคุณยังคงปลอดภัย  และโปรดระลึกไว้เสมอว่าไม่ควรที่จะทำการคลิกลิงค์หรือติดตั้ง application ที่ไม่น่าเชื่อถืออีกด้วย