Apple ได้ทำการเพิ่มอุปกรณ์ LiDA ให้กับ iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max เป็นครั้งแรก ซึ่งการเพิ่มอุปกรณ์ LiDA จะช่วยให้บาง Application สามารถที่ทำการทำงานได้ดีขึ้นรวดเร็วมากยิ่งขึ้นโดยอุปกรณ์ LiDA นั้นได้มีการเปิดตัวครั้งแรกบนอุปกรณ์ iPad Pro 2020
LiDA คืออะไร? คำว่า LiDA นั้นเป็นคำที่ย่อมาจาก "Light Detection and Ranging." ซึ่งสามารถแปลได้ตรงตัวว่าระบบที่ใช้ในการวัดระยะของแสงซึ่งจะหมายถึงแสงเลเซอร์โดยจะทำการส่งการสะท้อนแสงไปยังวัตถุและส่งกลับมายังอุปกรณ์ต้นทางซึ่งจะทำให้ตัวโปรเซสเซอร์ที่ใช้ในการประมวลผลนั้นสามารถที่จะทำการถ่ายภาพได้อย่างแม่นยำ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้เทคโนโลยี LiDA เกี่ยวกับ AR หรือ augmented-reality ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะช่วยให้คุณนั้นสามารถที่จะทำการสร้างวัตถุที่แม่นยำในด้านของวัตถุและการใช้งานในพื้นที่
เซ็นเซอร์ LiDAR ของ iPhone อยู่ตรงไหน?
เซ็นเซอร์ LiDAR ของ iPhone นั้นจะอยู่ในส่วนของ module กล้อง ด้านหลังสำหรับ iPhone 12 โปรนั้นจะอยู่ด้านล่างของเลนส์ซึ่งเป็นวงกลมสีดำๆที่อยู่ภายในตัวกล้องของ iPhone 12 Pro นั่นจึงทำให้ตัว LiDAR สามารถที่จะใช้งานได้ร่วมกับกล้องหลังเท่านั้นไม่รองรับการใช้งานร่วมกับกล้องหน้านั่นเอง และเนื่องจากว่าอุปกรณ์อย่างเซ็นเซอร์ LiDAR นั้นจะใช้การสะท้อนแสงจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่บริเวณเซ็นเซอร์ดังกล่าวนั้นจะต้องไม่ถูกปกคลุมไว้ด้วยอุปกรณ์อื่นๆยกตัวอย่างเช่นตัวครอบเลนส์ซึ่งอาจจะทำให้ตัว LiDAR ทำงานผิดพลาดได้นั่นเอง
IPhone รุ่นไหนมีเซ็นเซอร์ LiDAR บ้าง?
iPhone 12 Pro and Pro Max, iPhone 13 Pro Pro Max, และ iPad Pro เป็นอุปกรณ์ที่จะมีตัว LiDAR เซ็นเซอร์มาให้ใช้งาน โดยตำแหน่งของ LiDAR ก็จะมีตำแหน่งที่แตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น
การใช้งาน LiDAR บน iPhone ใช้อย่างไร?
คุณไม่สามารถที่จะเรียกใช้คุณสมบัติและเรียกใช้การทำงาน LiDAR โดยตรงได้แต่จำเป็นที่จะต้องสั่งงานผ่านการใช้งานร่วมกับ Application ที่รองรับเท่านั้นซึ่งจะมีการออกแบบมาให้สามารถที่จะดึงความสามารถของเซ็นเซอร์ LiDAR มาใช้งานได้ยกตัวอย่างเช่น Application Measure App ที่คุณสามารถที่ทำการใช้งานในการวัดระยะผ่าน AR ได้ซึ่งอุปกรณ์ iPhone สามารถที่จะทำการใช้งานในการวัดระยะขนาดหรือพื้นที่ด้วยเซ็นเซอร์ LiDAR บน iPhone 12 ได้อย่างแม่นยำด้วยการใช้งานเพียงกล้องของ iPhone เท่านั้น
และนอกจากนั้นแล้วเซ็นเซอร์ LiDAR ยังใช้ในการ วัดระยะโฟกัสในการถ่ายภาพในพื้นที่ที่มีแสงน้อยหรือการถ่ายภาพแบบ Night Mode ที่จะทำให้การโฟกัสภาพนั้นสามารถที่จะทำการปลูกผักได้รวดเร็วมากขึ้นถึง 6 เท่าเมื่อเปรียบเทียบกันกับการใช้งานเซ็นเซอร์แสงธรรมดาซึ่งจะช่วยให้ผลลัพธ์ในการถ่ายภาพ Night Mode นั้นสามารถนำการถ่ายภาพได้คมชัดมากขึ้นและมีประสิทธิภาพเพิ่มมากยิ่งขึ้น
บน Apple App Store ยังมี Application ต่างๆอย่างมากมายที่จะช่วยให้คุณสามารถที่ทำการใช้งานฟีเจอร์ที่ใช้ LiDAR ได้ซึ่งคุณสามารถที่จะค้นหา Application ต่างๆด้วยคำค้นคำว่า LiDAR บน Apple App Store ซึ่งจะมีแอพพลิเคชั่นตั้งแต่การออกแบบโมเดล 3 มิติการพิมพ์และแอพพลิเคชันอื่นๆที่น่าสนใจซึ่งจะช่วยให้คุณนั้นสามารถที่ทำการใช้งานมือถือ iPhone ของคุณได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเพิ่มมากยิ่งขึ้น