Apple iPhone SE (2022) ได้เปิดตัวออกมาแล้วโดยล่าสุดนะเป็นมือถือสมาร์ทโฟนเริ่มต้นที่รองรับ การใช้งานเครือข่าย 5G ที่จะช่วยให้คุณนั้นสามารถที่ทำการใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านเครือข่าย 5G ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งจะดู iPhone SE รุ่นล่าสุดนี้มีหลายๆอย่างที่เหมือนและแตกต่างกันกับ iPhone รุ่นก่อนหน้านั้นก็คือ iPhone SE 2020 ซึ่งมีวางขายก่อนหน้านี้ 2 ปีแต่จะมีอะไรที่แตกต่างกันบ้างสำหรับ iPhone รุ่นเริ่มต้นทั้ง 2 รุ่นนี้เราจะมาเปรียบเทียบสิ่งที่แตกต่างกันระหว่าง iPhone 2 รุ่นให้คุณได้เห็นความแตกต่างกันอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ความแตกต่างระหว่าง Apple iPhone SE (2022) vs Apple iPhone SE (2020)
1.ราคา Apple iPhone SE (2022) vs Apple iPhone SE (2020)
Apple iPhone SE (2022) vs Apple iPhone SE (2020) จะมีราคาที่แตกต่างกันในตอนเปิดตัวอยู่พอสมควรดูราคาเปิดตัวของ iPhone SE 2022 นั้นจะมีราคาเปิดตัวอยู่ที่ $429 US Dollar ในขณะที่ iPhone SE 2 2020 จะมีราคาเปิดตัวอยู่ที่เพียง $399 US Dollar เท่านั้นซึ่งความแตกต่างนั้นก็จะเนื่องจากว่าตัว iPhone SE รุ่นล่าสุดนั้นมีการใช้งานชิปเซ็ตที่รองรับเครือข่าย 5g ที่มีประสิทธิภาพในการประมวลผลที่สูงกว่านั่นเองจึงทำให้มีราคาที่สูงกว่า
2. สีของไอโฟน SE ทั้ง 2 รุ่น
IPhone SE 2020 จะมีสีให้เลือกได้แก่ Black, White, and Product Red ในขณะที่ iPhone SE 2022 นั้นจะมีสีให้เลือกเป็นสี Midnight, Starlight, and Product Red ซึ่งสีทั้ง 3 สีงั้นเป็นสีเดียวกันแต่มี เพียงชื่อเรียกสีเท่านั้นที่แตกต่างกัน
3.ชิปประมวลผล
iphone SE 2020 จะใช้ชิปประมวลผล Apple a13 ไบโอนิค ที่รองรับการใช้งานเพียงเครือข่าย 4G ในขณะที่ iPhone SE 2022 จะใช้ชิปประมวลผล Apple a15 ไบโอนิคที่รองรับการใช้งานเครือข่าย 5G และมีประสิทธิภาพที่สูงกว่า ซึ่งจะทำให้ iPhone SE รุ่นล่าสุดมั้งสามารถที่จะรองรับการใช้งานร่วมกับระบบปฏิบัติการ iOS 15 ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและมาพร้อมกับการประมวลผลต่างๆที่ดีขึ้นและรองรับ โหมดการถ่ายภาพของกล้องที่ดีขึ้นซึ่งตัว iPhone SE 2020 นั้นไม่สามารถที่จะทำได้
4. ขนาดของ Apple iPhone SE (2022) vs Apple iPhone SE (2020)
ในเรื่องของขนาดและมิติของ iPhone SE ทั้ง 2 รุ่นนั้นเรียกได้ว่าไม่มีความแตกต่างกันในเรื่องของขนาด และมิติของตัวอุปกรณ์นั่นหมายถึงว่า iPhone SE ทั้ง 2 รุ่นนั้นสามารถที่จะใช้งานเคสรุ่นเดียวกันหรือเคสขนาดเดียวกันได้ และนอกจากนั้นยังสามารถที่จะใช้เคสร่วมกับ iPhone 8 ได้อีกด้วยเนื่องจากว่ามีขนาดมิติความกว้างยาวและสูงเท่ากัน
Apple iPhone SE (2020) : Dimensions 138.4 x 67.3 x 7.3 mm (5.45 x 2.65 x 0.29 in)
Apple iPhone SE (2022) : Dimensions 138.4 x 67.3 x 7.3 mm (5.45 x 2.65 x 0.29 in)
5.หน้าจอ ของ iPhone SE
หน้าจอ หน้าจอของ iPhone SE ทั้ง 2 รุ่นนั้นจะมีความละเอียดเท่ากันและเป็นหน้าจอเหมือนกันได้แก่ เป็นหน้าจอ Retina HD display ที่มีความละเอียด 1,334 x 750 pixel เท่ากันซึ่งนั่นหมายถึง iPhone SE ทั้ง 2 รุ่นนั้นจะมีประสิทธิภาพในการแสดงผลที่ใกล้เคียงกัน
6.กล้อง
สำหรับ iPhone SE ทั้ง 2 รุ่นนั้นถึงแม้ว่าจะมีระยะห่างในการเปิดตัวกันถึง 2 ปีแต่ว่าตัวกล้องนั้นมีสเปคเดียวกันนั่นก็คือเป็นเลนส์เดียวที่มีความละเอียด 12 ล้านพิกเซลเป็นเลนส์มุมกว้างที่มีค่า f 1.8 และมาพร้อมกับ led flash และกล้องหน้าความละเอียด 7 MP เท่ากันทั้ง 2 รุ่นแต่ความแตกต่างหลักๆของกล้องนั้นจะอยู่ที่ตัวชิปประมวลผลซึ่ง iPhone SE 2022 นั้นจะใช้งานชิป A15 ไบโอนิคซึ่งจะสามารถที่จะช่วยให้คุณใช้งานฟีเจอร์ต่างๆได้ดีมากยิ่งขึ้นอย่างเช่นฟีเจอร์ Smart HDR 4, Photographic Styles, Deep Fusion, และรองรับ Portrait Mode. ในขณะที่ iPhone SE 2020 นั้นไม่มี
7.แบตเตอรี่
ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่า iPhone SE 2022 นั้นมีแบตเตอรี่ที่มีความจุกี่มิลลิแอมป์แต่ดูเหมือนว่าระยะเวลาในการใช้งานในการดูวีดีโอที่ระบุในสเปคบนเว็บไซต์ Apple จะมีเวลาในการดูวีดีโอที่เพิ่มขึ้นจาก 13 ชั่วโมงเป็น 15 ชั่วโมงนั่นหมายถึงว่าแบตเตอรี่ของ iPhone SE 2020 2 นั้นจะสามารถใช้งานได้นานกว่า iPhone SE 2020 ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นจากการจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพของชิคาโกไวโอเล็ต a15 หรือมีการเพิ่มขึ้นของความจุของแบตเตอรี่ก็เป็นไปได้และนอกจากนั้นแล้ว iPhone SE 2022 และยังรองรับการชาร์จด้วยการชาร์จไร้สายในขณะที่ iPhone SE 2020 ไม่รองรับการใช้งาน.
8.การเชื่อมต่อ
iPhone SE 2020 นั้นไม่รองรับการเชื่อมต่อ 5G จะสามารถใช้งานได้เพียง 4G เท่านั้น ในขณะที่ iPhone SE 2020 น้ำจะรองรับการใช้งานเครือข่าย 5G แบบ dual Sim ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบการใช้งานแล้วจะเห็นได้ว่าเครือข่าย 5G นั้นจะมีประสิทธิภาพในการใช้งานที่รวดเร็วกว่า
9.RAM
iPhone SE รุ่นที่ 3 มี RAM 4GB เพิ่มขึ้นจาก iPhone SE รุ่นที่ 2 ที่มี 3GB การมี RAM เพิ่มเข้ามาจะช่วยให้การตกแต่งรูปภาพและวิดีโอทำงานได้เร็วขึ้น โดยสามารถเปิดหลายเลเยอร์ได้มากขึ้นด้วยเช่นกันและ รวมไปถึงการเปิดหลายแอปที่สามารถรันในพื้นหลังได้มากขึ้นด้วย
นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมคุณถึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำการอัพเกรดไปใช้งาน iPhone SE 2022 นั้นจะช่วยให้คุณนั้นสามารถที่จะทำการใช้งานในด้านต่างๆได้ดีมากกว่า iPhone SE 2020