ตู้เย็น 1 ประตู เป็นรูปแบบของตู้เย็นที่ได้รับความนิยมในการใช้งานกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันเนื่องจากว่าเป็นรูปแบบของตู้เย็นที่มีราคาที่ถูกสามารถที่จะเข้าถึงได้ง่ายซึ่งจะช่วยให้คุณนั้นสามารถที่จะทำการใช้งานในการแช่อาหารต่างๆได้อย่างสะดวกสบายนั่นเอง
โดยตู้เย็น 1 ประตูนั้นจะเป็นตู้เย็นที่ถูกออกแบบมาให้มีเพียงประตูเดียวที่จะมีช่องฟรีซหรือช่องทำความเย็นอยู่ด้านบนไว้ใช้ในการทำความเย็นและทำน้ำแข็ง และมีชั้นของตู้เย็นด้านล่างไว้คอยเก็บวัตถุดิบอื่นๆไม่ว่าจะเป็นเนื้อพืชผักผลไม้หรือน้ำดื่มก็ตามซึ่งจะช่วยให้คุณนั้นสามารถที่จะทำการใช้งานได้อย่างหลากหลายมากยิ่งขึ้น
ซึ่งตู้เย็น 1 ประตูนั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสียเมื่อเปรียบเทียบกันกับตู้เย็นประเภทอื่นซึ่งคุณสามารถที่จะนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ในการเปรียบเทียบเพื่อที่จะทำการเลือกซื้อตู้เย็นที่เหมาะสมกับการใช้งานของคุณได้แก่
ข้อดีของตู้เย็น 1 ประตู
1.ตู้เย็นแบบประตูเดียวนั้นมีการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพมากกว่าและกินพลังงานไฟฟ้าน้อยกว่าประมาณ 30-40 เปอร์เซ็นต์เมื่อเปรียบเทียบกับตู้เย็นแบบ 2 ประตู
2.ตู้เย็นแบบ 1 ประตูนั้นมีขนาดที่เล็กกะทัดรัดซึ่งจะมีขนาดตั้งแต่ 50 ไปจนถึง 250 ลิตรซึ่งเหมาะสมสำหรับครอบครัวที่มีขนาดเล็ก
3.ตู้เย็น 1 ประตูนั้นมีราคาที่ถูกเข้าถึงง่ายๆสามารถที่จะทำการเลือกซื้อมาใช้งานได้สำหรับผู้ที่มีงบประมาณที่จำกัดโดยยี่ห้อของตู้เย็น 1 ประตูอย่างเช่นตู้เย็นยี่ห้อ LG เวิร์ลพูล Samsung ซึ่งมีราคาที่ต่ำกว่า 5000 บาท
4.กินพื้นที่ในการติดตั้งน้อยเนื่องจากว่าพวกมันนั้นมีขนาดที่เล็กกะทัดรัดเหมาะสำหรับครอบครัวหรือบ้านที่มีพื้นที่ค่อนข้างจะจำกัด
ข้อเสียของตู้เย็น 1 ประตู
1.มีขนาดที่เล็กเกินไป อาจจะไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการที่จะแช่หรือใช้ในการเก็บอาหารจำนวนมากขึ้นตู้เย็นแบบ 1 ประตูน้ำจะมีความจุได้สูงสุดเพียง 250 ลิตรเท่านั้นซึ่งเป็นข้อจำกัดกล่องตู้เย็นประเภทนี้
2.ไม่เหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่และเนื่องจากว่าตู้เย็น 1 ประตูนะมีขนาดที่เล็กจนเกินไปอาจจะไม่เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีขนาดใหญ่
3.รายการเปิดประตูตู้เย็นนั้นคุณจะทำการเปิดทั้งตัวช่องฟรีซและช่องเก็บของซึ่งจะทำให้อาจจะไม่ประหยัดพลังงานในกรณีที่เปิดตู้เย็นบ่อยครั้ง
4. จะต้องมีการละลายน้ำแข็งอยู่เป็นประจำเนื่องจากว่าถ้ามีน้ำแข็งเกาะอยู่ตรงช่องฟรีซจะทำให้ตู้เย็นนั้นมีความเย็นที่ลดลงและทำให้อาหารนั้นไม่สามารถที่จะเก็บได้ดีเท่าที่ควร
ซึ่งเมื่อศึกษาถึงข้อดีและข้อด้อยของตู้เย็นแบบ 1 ประตูแล้วจะเห็นได้ว่าข้อดีหลักๆนั่นก็คือราคาถูกประหยัดไฟมีขนาดเล็กกะทัดรัด ไม่กินพื้นที่การติดตั้งภายในบ้านในส่วนข้อเสียนั้นก็คือมีขนาดที่เล็กจนเกินไปไม่เหมาะสำหรับใช้ในการแช่อาหารจำนวนมากมีการสูญเสียคุณภูมิได้ง่ายดายและจะต้องมีการละลายน้ำแข็งอยู่เป็นประจำนั่นเอง
และสำหรับผู้ที่กำลังมองหาตู้เย็น 1 ประตูเพื่อที่จะนำมาใช้งานนั้นอาจจะเริ่มสงสัยว่าแล้วควรที่จะเลือกซื้อตู้เย็น 1 ประตูรุ่นไหนแบบไหนยี่ห้อไหนดีถึงจะช่วยให้คุณนั้นสามารถที่จะใช้งานได้ดีที่สุดดังนั้นวันนี้เราจึงได้รวบรวมเอาตู้เย็น 1 ประตูมาแนะนำให้คุณได้เลือกซื้อมาใช้งานเพื่อที่จะช่วยให้คุณนั้นสามารถที่จะนำข้อมูลไปใช้ในการตัดสินใจเลือกซื้อตู้เย็น 1 ประตูที่ดีที่สุดเหมาะกับการใช้งานของคุณมากที่สุด
แนะนำ ตู้เย็น 1 ประตู รุ่นไหน ยี่ห้อไหนดี
#1.Toshiba ตู้เย็น 1 ประตู ความจุ 5.2 คิว รุ่น GR-C149SH
เป็นตู้เย็น 1 ประตูที่ถูกออกแบบมาให้มีการประหยัดไฟและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมใช้น้ำยาทำความเย็นใหม่ r600a ที่ช่วยให้ตู้เย็นนั้นเย็นเร็วเปิดพร้อมกับชั้นวางพลาสติกที่มีความแข็งแรงทนทานช่องแช่น้ำดื่มที่ถูกออกแบบมาให้มีพื้นที่กว้างรองรับการแช่ขวดน้ำดื่มได้อย่างเพียงพอต่อการใช้งานระบบส่งความเย็นแบบ Super direct Cool ที่จะส่งตรงความเย็นจากช่องแช่แข็งผ่านช่องลมเย็นทำให้อุณหภูมิที่คงที่และขอบยางประตูนั้นถูกออกแบบมาให้สามารถถอดทำความสะอาดได้ด้วยมือเปล่าและปิดแน่นสนิทด้วยแถมแม่เหล็กภายในซึ่งจะทำให้คุณนั้นสามารถที่จะใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย
ตัวเครื่องและมาพร้อมกับขนาดความจุ 5.2 คิวซึ่งจะช่วยให้คุณนั้นสามารถที่จะทำการแช่อาหารได้อย่างเพียงพอตัวเครื่องนั้นมีความสวยงามออกแบบให้มีช่องแช่ผักขนาดใหญ่ใส่ได้จำนวนมากและภายนอกนั้นถูกออกแบบมาให้มีความสวยงามเข้ากับทุกพื้นที่ภายในบ้าน
ตู้เย็น 1 ประตูรุ่นนี้นะมาพร้อมกับการรับประกันจากผู้ขาย 1 ปีและผู้ผลิต 10 ปีในส่วนของตัวคอมเพรสเซอร์ของตัวเครื่องซึ่งจะช่วยให้คุณนั้นสามารถที่จะใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยาวนาน
จุดเด่นของตัวเครื่องของตู้เย็น 1 ประตูรุ่นนี้
1.น้ำยาทำความเย็นใหม่ R600a เย็นเร็ว / ประหยัดไฟ / เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
2.ชั้นวางพลาสติก ชั้นวางแข็งแรง
3.ช่องแช่น้ำดื่ม ออกแบบให้มีพื้นที่กว้าง รองรับการแช่ขวดน้ำดื่ม
4.ระบบส่งตรงความเย็น Super Direct Cool ส่งตรงความ เย็นสู่ช่องแช่เย็นผ่านช่องส่งลมเย็นในช่องแช่แข็ง
#2.Haier ตู้เย็น 1 ประตู 5.2 คิว รุ่น HR-CEQ15X
Haier ตู้เย็น 1 ประตู Muse series ขนาด 5.2 คิว รุ่น HR-CEQ15 มีความโดดเด่นสวยงาม เนื่องจากผู้ผลิตใช้สีพ่นเคลือบพิเศษผสมเมทัลลิค จึงดูเงางามและทนทานในทุกสภาพอากาศ มือจับที่ประตูตู้ก็ออกแบบให้จับได้ถนัดมือ และเปิด-ปิดสะดวกคล่องตัวทุกการใช้งาน ชั้นวางด้านบนสามารถวางของได้ พื้นผิวภายนอกตู้เย็นทำความสะอาดได้ง่าย ไม่ต้องกังวลว่าจะมีคราบสกปรกจับตัวฝังแน่น ตู้เย็นของคุณจะดูใหม่สวยงามอยู่เสมอ
ระบบการทำงานทรงประสิทธิภาพ มีระบบกระจายความเย็นแบบไดเร็คคูล ละลายน้ำแข็งกึ่งอัตโนมัติ ใช้งานง่ายเพียงกดปุ่มเดียว และหากใครกังวลว่าตู้เย็นนี้จะกินไฟหรือทำให้ค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ก็หมดกังวลได้ เพราะผู้ผลิตได้ออกแบบโดยคำนึงถึงเรื่องของการประหยัดพลังงานไว้ด้วย โดยได้บุฉนวนกันความร้อนให้หนาขึ้น และตู้เย็นนี้ก็ได้รับฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 การันตีได้ว่า ไม่กินไฟอย่างแน่นอน.
จุดเด่นของตู้เย็น 1 ประตูรุ่นนี้
1.ความจุ 5.2 คิว
2.ประหยัดพลังงานด้วยน้ำยา R600 เป็นมิตรกับธรรมชาติ
3.ชั้นวางกระจก แข็งแรง รับน้ำหนักถึง 120KG
#3.Mitsubishi ตู้เย็น 1 ประตู รุ่น MR-17RSA
Mitsubishi เป็นตู้เย็น 1 ประตู รุ่น MR-17PSA ขนาด 6.0 คิว /170 ลิตร ประหยัดไฟสูงสุดเบอร์ 5 มาพร้อมระบบละลายน้ำแข็งกึ่งอัตโนมัติแบบยกถาดเท ขอบยางประตูผสมสารยับยั้งเชื้อรา พร้อมแถบแม่เหล็ก 4 ด้าน ปิดแน่นสนิท ความเย็นไม่รั่วไหล ช่วยให้เก็บรักษาความเย็นได้ดียิ่งขึ้น ฝาประตูเคลือบสี PCM ดีไซน์บ่งบอกถึงเอกลักษณ์ เงางาม เรียบหรู ไร้มือจับ เปิด-ปิดประตูได้สะดวกตลอดแนวอิสระได้ดั่งใจ เสริมความแข็งแรงภายใน ด้วยชั้นวางกระจกนิรภัย TEMPERED GLASS SHELVES ที่สามารถรับน้ำหนักได้ถึง 100 กิโลกรัม
ถนอมอาหารได้ยาวนานยิ่งขึ้น ด้วยแผ่นแร่ธรรมชาติ ใช้ Minus Ion (ไมนัส ไอออน) ซึ่งเป็นแผ่นแร่ธรรมชาติกระจายประจุลบ ส่งผสานไปพร้อมกับไอเย็นทั่วช่องแช่เย็น ช่วยลดกลิ่นรบกวนต่างๆ และช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย ช่วยคงความสดของอาหารให้ยาวนาน และดูน่ารับประทานอยู่เสมอ.
จุดเด่นของตู้เย็น 1 ประตูรุ่นนี้
1.ช่องแช่แข็งจัมโบ้เดินท่อน้ำ 4 ด้าน ให้ความเย็นทั่วถึง
2.MINUS ION แผ่นแร่ธรรมชาติ สามารถปล่อยประจุลบทาให้อากาศสดชื่น และยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย
3.TEMPERED GLASS SHELVES ชั้นวางกระจกนิรภัย รับน้ำหนักได้ 100 กิโลกรัม
4. LED LIGHT
5.ขอบยางประตูผสมสารยับยั้งเชื้อรา พร้อมแถบแม่เหล็ก 4 ด้าน ปิดสนิทแน่น ความเย็นไม่รั่วไหล
6. ภายในกว้างด้วยความจุ 5 JUMBO
สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนที่จะเลือกซื้อตู้เย็น 1 ประตู มาใช้งาน
1.ความจุของตู้เย็น
ความจุของตู้เย็นที่คุณจะเลือกซื้อมาใช้งานนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีความจุที่เหมาะสมกับจำนวนสมาชิกภายในครอบครัวและการใช้งานภายในบ้านของคุณโดยความจุของตู้เย็นนะจะมีการวัดหน่วยเป็นคิวซึ่งจะมีขนาด Q เริ่มต้นตั้งแต่ 5 จนถึง 10 คิวให้คุณได้เลือกใช้งาน โดยตู้เย็นขนาด 5 คิวนั้นจะเหมาะสำหรับครอบครัวขนาดเล็กที่มีจำนวนสมาชิกในครอบครัวตั้งแต่ 1 ถึง 3 คนในขณะที่ตู้เย็นที่มีจำนวนมากกว่า 10 คิวนั้นจะเหมาะสำหรับจำนวนสมาชิกในครอบครัวที่มีจำนวนประมาณ 3-5 คน ซึ่งในการเลือกระดับความจุและคุณจะต้องเลือกให้เหมาะสมกับจำนวนสมาชิกในครอบครัวซึ่งจะช่วยให้คุณนั้นสามารถที่จะนำการใช้งานได้อย่าง เพียงพอกับความต้องการในการใช้งาน
2.พื้นที่ภายในบ้าน
ในการเลือกซื้อตู้เย็นมาใช้งานนั้นคุณจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเลือกซื้อตู้เย็นที่มีพื้นที่ที่เพียงพอหรือเหมาะสมกับพื้นที่ที่คุณจะนำมาติดตั้งไม่ควรเลือกซื้อตู้เย็นที่มีขนาดใหญ่จนเกินไปกว่าพื้นที่ติดตั้งซึ่งอาจจะทำให้คุณนั้นไม่สามารถที่จะทำการติดตั้งได้อย่างเหมาะสมนั่นเองโดยทั่วไปแล้วตู้เย็นนั้นจะต้องการพื้นที่ในการติดตั้งอย่างน้อย 1 ตารางเมตรโดยจะมีการจะต้องเว้นพื้นที่ว่างทางด้านหลังและด้านข้างของตัวเครื่องเพื่อที่จะใช้ในการระบายอากาศซึ่งจะทำให้ตัวเครื่องนั้นสามารถที่จะทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพโดยในการติดตั้งตู้เย็นนั้นจะต้องติดตั้งให้พื้นที่ด้านหลัง และด้านข้าง นั้นห่างจากกำแพงอย่างน้อย 50 เซนติเมตร
3.ระบบการละลายน้ำแข็ง
เป็นที่ทราบกันดีว่าตู้เย็น 1 ประตูและจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการละลายน้ำแข็งอยู่เป็นประจำอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้งเพื่อช่วยให้ตัวเครื่องตู้เย็นนั้นสามารถที่จะทำความเย็นได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยในการละลายน้ำแข็งนะจะมีน้ำส่วนเกินที่ได้จากการละลายน้ำแข็งซึ่งจะต้องมีการทำความสะอาดและดูแลรักษาอย่างต่อเนื่องซึ่งในการใช้งานและคุณจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีพื้นที่และมีการดูแลทำความสะอาดอยู่อย่างสม่ำเสมอ
5.ประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน
ตู้เย็น 1 ประตูที่คุณจะเลือกซื้อมาใช้งานนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีประสิทธิภาพในการใช้พลังงานที่เหมาะสมและประหยัดพลังงานซึ่งจะช่วยให้คุณนั้นสามารถที่จะทำการใช้งานได้อย่างสะดวกสบายโดยควรที่จะเลือกซื้อตู้เย็น 1 ประตูที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ซึ่งเป็นสิ่งที่ใช้ในการรับประกันได้ถึงอัตราการบริโภคกระแสไฟฟ้าที่อยู่ในระดับที่ได้มาตรฐานซึ่งได้รับการรับรองและตรวจสอบโดยหน่วยงานของรักที่จะช่วยให้คุณนั้นสามารถที่จะทำการใช้ในการเลือกซื้อตู้เย็นที่ประหยัดพลังงานที่สุด
6. พื้นที่ในการใช้งาน
พื้นที่ในการใช้งานของตู้เย็น 1 ประตูน้ำจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีพื้นที่สำหรับใช้งานที่เพียงพอโดยพิจารณาจากลักษณะของวัตถุดิบหรือวัตถุที่คุณต้องการที่จะนำไปแช่อย่างเช่นในการแช่ที่ต้องการเน้นผักนั้นควรที่จะมีช่องสำหรับใส่ผักที่มีขนาดใหญ่หรือการใช้งานที่เน้นการแช่หรือเก็บเนื้อนั้นควรที่จะมีช่องเก็บเนื้อที่มีขนาดใหญ่และเพียงพอต่อการใช้งานนั่นเองโดยมีการเลือกซื้อนะคุณจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเลือกซื้อตู้เย็น 1 ประตูที่มีความเหมาะสมกับความต้องการในการใช้งานของคุณ
7.ระบบการกำจัดกลิ่น
ปัญหาอีก 1 อย่างของตู้เย็น 1 ประตูนั่นก็คือ กลิ่นของอาหาร ที่จะเกิดขึ้นจากการ แช่ไว้ในตู้เย็นเป็นระยะเวลานานก็จะเกิดกลิ่นอับของอาหารตามมาซึ่งตู้เย็นที่ดีนั้นควรที่จะมีระบบที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการลดหรือกำจัดสิ่งที่จะเกิดขึ้นภายในตู้เย็นซึ่งจะช่วยให้การใช้งานนั้นมีความสะดวกสบายและน่าใช้งานมากยิ่งขึ้น
8.ระดับราคาที่เหมาะสม
ตู้เย็น 1 ประตูนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีระดับราคาที่เหมาะสมกับคุณภาพและประสิทธิภาพในการทำงานของตัวเครื่องรวมถึงวัสดุอุปกรณ์ต่างๆที่จะนำมาใช้ในการประกอบเป็นตัวตู้เย็นซึ่งจะต้องมีความเหมาะสมและมีความคุ้มค่าในการซื้อมาใช้งานเป็นหลักไม่ควรเลือกซื้อตู้เย็นที่มีราคาถูกมากจนเกินไปเนื่องจากว่าจะทำให้คุณนั้นไม่สามารถที่จะใช้งานได้อย่างคุ้มค่านั่นเอง
9.ตู้เย็น 1 ประตูยี่ห้อไหนดี
ในการเลือกซื้อตู้เย็น 1 ประตูนะคุณจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเลือกซื้อจากผู้ผลิตที่เป็นหน้าเช่นที่น่าเชื่อถือและเป็นที่รู้จักกันอย่างมีในท้องตลาดว่าผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพที่ดีเพียงพอที่จะนำมาใช้งานไม่ควรเลือกซื้อตู้เย็นจากผู้ผลิตที่ไม่เป็นที่รู้จักเนื่องจากว่าจะเป็นสินค้าที่ไม่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพที่ดีเพียงพอที่จะนำมาใช้งานโดยยี่ห้อของตู้เย็น 1 ประตูที่เราแนะนำนั้นได้แก่ ตู้เย็น 1 ประตูยี่ห้อ Samsung, Mitsubishi, Toshiba และ อิเล็กโทรลักซ์
10.การรับประกันและการบริการหลังการขาย
ตู้เย็น 1 ประตูที่คุณจะเลือกซื้อมาใช้งานนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการรับประกันจากผู้ขายหรือผู้ผลิตอย่างน้อย 6 เดือนถึง 1 ปีเพื่อช่วยให้คุณมั่นใจในคุณภาพและประสิทธิภาพในการทำงานของตัวเครื่องในกรณีที่เกิดปัญหาขึ้นขณะที่ใช้งานโดยปัญหาดังกล่าวนั้นเกิดจากการทำงานที่ผิดพลาดของตัวอุปกรณ์คุณสามารถที่จะนำการเรียกร้องของความรับผิดชอบจากผู้ขายหรือผู้ผลิตได้