จักรยานไฟฟ้าพับได้

จักรยานไฟฟ้าพับได้ในปัจจุบันนี้เริ่มมีความนิยมขึ้นมามากขึ้นเรื่อย ๆในยุคที่ราคาน้ำมันแพง และกระแสรถไฟฟ้ากำลังเริ่มเข้ามามีบทบาทเพิ่มมากยิ่งขึ้นเนื่องจากกระแสในการอนุรักสิ่งแวดล้อม และจิตสำนึกของผู้คนในการที่จะช่วยดูแลสิ่งแวดล้อมมีมากยิ่งขึ้น

จักรยานพับไฟฟ้านั้นนอกจากจะช่วยให้เราสามารถเดินทางในระยะใกล้ได้สะดวกแล้ว ยังช่วยให้เราสามารออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงได้โดยการปั่นร่วมกับระบบ PAS หรือ Pedal Assist เพื่อช่วยผ่อนแรงนั้นช่วยให้เราได้ขยับร่างกายซึ่งแน่นอนว่าดีต่อระบบไหลเวียนโลหิตของคุณ และสุขภาพโดยรวมด้วย การใช้จักรยานไฟฟ้าในชีวิตประจำวันในการเดินทางระยะสั้นๆเช่นไปหน้าปากซอยเพื่อไปร้านสะดวกซื้อ หรือปั่นออกกำลังกายไปยังสวนสาธารณะเพื่ออกกำลังกายนั้นก็เหมาะสม โดยอาจจะกินระยะทางประมาณ 3-5 กิโลเมตรซึ่งถือว่าเหมาะสมและจักรยานไฟฟ้านั้นสามารถช่วยให้คุณเดินทางระยะนั้นได้สบายๆหลายรอบต่อการชาร์จเพียง 1 ครั้งเท่านั้น ช่วยให้คุณประหยัดน้ำมัน และประหยัดเวลา ในกรุงเทพมหานครนั้นระยะทางแค่ 3 กิโลเมตรอาจจะใช้เวลาในการเดินทางถึง 1 ชั่วโมงเต็มเพื่อที่จะไปให้ถึงยังจุดหมายแต่ว่าสำหรับจักรยานไฟฟ้านั้นใช้เวลาเพียง 10 นาทีเท่านั้นด้วยการปั่นช้า ๆก็ช่วยให้คุณไปถึงจุดหมายรวดเร็วกว่าแน่นอน

ด้วยความสะดวกดังกล่าวที่ว่ามาคุณอาจจะเริ่มกำลังมองหาจักรยานไฟฟ้าพับได้มาใช้งานสักคัน โดยทำไมต้องเลือกจักรยานพับได้ ก็เพราะว่าจักรยานรูปแบบที่พับได้นี้มีความสะดวกและกินพื้นที่ในการจัดเก็บน้อยรวมถึงความสามารถในการพับใส่ท้ายรถยนต์เอาไว้เดินทางในระยะใกล้ที่มีรถติดได้มาก นั่นเองรวมถึง ราคาที่ถูกกว่าจักรยานไฟฟ้ารูปแบบอื่น และน้ำหนักที่เบากว่า ซึ่งช่วยให้คุณใช้งานได้อย่างสะดวกกว่านั่นเอง

การที่จะเลือกซื้อจักรยานไฟฟ้านั้นอาจจะทำให้คุณรู้สึกสับสนในตอนแรกว่าควรซื้อแบบไหน รุ่นไหน ยี่ห้อไหนดี หรือควรพิจารณาอะไรบ้างก่อนที่จะตัดสินใจเลือกจักรยานไฟฟ้าพับได้มาใช้งานหลังจากที่เราได้ค้นหาข้อมูลต่าง ๆของจักรยานไฟฟ้าพับได้ในอินเตอร์เน็ต จึงได้รวบรวมเอาสิ่งที่คุณจะต้องรู้ก่อนที่จะเลือกซื้อจักรยานไฟฟ้าพับได้ว่าควรพิจารณาสิ่งใดบ้าง และส่วนใดที่มีความสำคัญที่จะต้องดูรายละเอียดเป็นพิเศษ มาให้คุณได้อ่านกันดังข้อมูลด้านล่างนี้

สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนที่จะเลือกซื้อจักรยานไฟฟ้าแบบพับได้มาใช้งาน

1.มอเตอร์ไฟฟ้า

จักรยานไฟฟ้าจะมีมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็กเพื่อที่จะใช้ในการช่วยขับเคลื่อนจักรยานของคุณให้วิ่งไปบนท้องถนนได้ โดยส่วนใหญ่จะเป็นมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรงแบบไร้แปรงถ่านที่มีกำลังวัตต์ตั้งแต่ 250 วัตต์ขึ้นไปจนถึง 1000 วัตต์ ฝังอยู่ในดุมล้อโดยเราจะเรียกมอเตอร์แบบนี้ว่า Brushless DC Hub Motor หรือฮับมอเตอร์แนะนำให้เลือกใช้แบบนี้เท่านั้นเพราะว่าตัวมอเตอร์เหมาะสมที่สุดที่จะใช้ในการขับเคลื่อนจักรยานไฟฟ้า ซึ่งกำลังมอเตอร์นั้นยิ่งมีกำลังวัตต์มากก็จะสามารถทำความเร็วได้มากเท่านั้น แต่ก็จะมีราคาที่มากขึ้นตามไปด้วย สำหรับกำลังมอเตอร์ที่เหมาะสมกับการใช้งานทั่วไป 350 วัตต์ ถึง 750 วัตต์ ก็เพียงพอแต่ถ้าพื้นที่ใช้งานนั้นมีเนิน หรือมีทางชันมากละก็แนะนำให้ใช้ 1000 วัตต์ขึ้นไป

2.แบตเตอรี่

แบตเตอรี่นั้นเป็นแหล่งพลังงานหลักที่ใช้ในการขับเคลื่อนจักรยานไฟฟ้าซึ่งการเลือกซื้อแบตเตอรี่ที่มีความจุมากก็จำช่วยให้คุณสามารถใช้จักรยานในการเดินทางได้มากขึ้นไกลขึ้น โดยหน่วยวัดความจุของแบตเตอรี่นั้นใช้หน่วย แอมป์/ชั่วโมง  Ahเหมือนความจะแบตเตอรี่ของมือถือนั่นแหละแบตที่มีแอมป์ มากก็ใช้ได้นานขึ้น เดินทางได้ไกลขึ้นกว่าแบตที่มีแอมป์น้อย โดยทั่วไปแล้วแบตเตอรี่สำหรับจักรยานไฟฟ้าจะใช้แบตเตอรี่ที่มีความจุตั้งแต่ 10 Ah ขึ้นไปซึ่ง 10 Ah นั่นก็หมายถึงแบตเตอรี่นั้นสามารถจ่ายกระแสคงที่ที่ 10 แอมป์ได้ในระยะเวลา 1 ชั่วโมง ซึ่งถ้ามอเตอร์จักรยานไฟฟ้ากินไฟ 10 แอมป์ก็จะสามารถวิ่งได้ 1 ชั่วโมงก่อนที่แบตจะหมด แต่หากต้องการเดินทาง 2 ชั่วโมงก็ต้องใช้แบตเตอรี่ความจุ 20 Ah นั่นเองดังนั้นการเลือกความจุของแบตเตอรี่ให้เหมาะสมก็เป็นเรื่องสำคัญ

สำหรับแบตเตอรี่แนะนำให้เลือกแบบที่ใช้ แบตเตอรี่ลิเธียม ฟอสเฟต LiFePO4 Lithium Iron Phosphate ซึ่งมีข้อดีตรงที่พวกมันไม่ระเบิดหรือลุกไหม้จนเกิดอันตรายได้ เป็นแบตเตอรี่ที่ปลอดภัยที่สุดและเหมาะที่สุดที่จะใช้ในจักรยานไฟฟ้า อย่าเลือกใช้แบตเตอรี่แบบ ลิเที่ยมไอออนธรรมดาเด็ดขาดเพราะถ้าคุณได้เห็นตอนที่พวกมันเริ่มระเบิดและลุกไหม้นั้นพวกคุณจะไม่อยากใช้งานมันอีกเลย อย่างเชื่อที่ใครเขาบอกว่าแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนธรรมดาปลอดภัย เวลามันจะระเบิดมันไม่บอกใครล่วงหน้าแน่นอนเราอาจจะเห็นพวกมันถูกใช้ในโทรศัพท์มือถือ ซึ่งการระเบิดก็มีให้เห็นในหน้าสื่ออยู่เรื่อย ๆ แต่แบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือมีขนาดเล็กแรงระเบิดอาจจะน้อย แต่ว่าสำหรับจักรยานไฟฟ้าแล้ว พวกมันใช้หลายสิบก้อน เรียกได้ว่าระเบิดเคลื่อนที่เลยก็ว่าได้ เพราะฉะนั้นจงเลือกใช้แบตเตอรี่แบบ LiFePO4 Lithium Iron Phosphate เท่านั้น

3.ตัวจักรยาน

โครงสร้างต่าง ๆของจักรยานต้องมีน้ำหนักเบา แต่ต้องแข็งแรงโดยวัสดุที่นิยมนำมาทำก็ได้แก่อะลูมิเนียม เป็นหลัก และนอกจากโครงแล้วระบบเบรกแนะนำให้เลือกรุ่นที่ใช้ระบบเบรกแบบดิสก์เบรคเท่านั้นเพราะว่ามีกำลังในการเบรคมากกว่าแบบอื่น ๆซึ่งโดยทั่วไปจักรยานไฟฟ้าก็มีความเร็วพอสมควรดังนั้นระบบเบรคนั้นต้องสามารถรองรับการหยุดในกรณีฉุกเฉินได้ดี และมั่นคงเชื่อถือได้ อุปกรณ์ส่วนควบต่าง ๆ จะต้องดูแข็งแรง อยู่ในสภาพดีพร้อมใช้งาน รวมทั้งอะไหล่ที่มีให้เปลี่ยนเมื่อถึงกำหนดอายุใช้งาน

ด้วยการพิจารณาส่วนประกอบหลักๆตามบทความนี้ก็จะช่วยให้คุณสามารถเลือกซื้อจักรยานไฟฟ้าพับได้เอามาใช้งานได้อย่างถูกใจ และปลอดภัยแล้ว