โบราณบอกว่า ตอนขึ้นอย่าหลง ตอนลงอย่าท้อ ยามขึ้นคือ เมื่อผลบุญที่เราทำมาส่งผล ทำอะไรก็ง่ายดาย หยิบจับอะไรก็เป็นเงิน มีแต่ความสุขความเจริญ ยามลง คือ ในเวลาที่วิบากกรรมไม่ดีหรือผลกรรมไม่ดีเข้า ชีวิตมีแต่เรื่องราวอุปสรรคมากมาย ทั้งเจ็บป่วย เงินทองมีปัญหา การงานสะดุด ชีวิตแทบจะล้มทั้งยืน แต่ถ้าเข้าใจชีวิตว่าชีวิตของคนเรา ชั่วเจ็ดที ดีเจ็ดหน นั้นก็จงทำใจยอมรับให้ได้ และอยู่กับมันให้ได้ แน่นอนไม่มีใครประสบความสำเร็จในชีวิตไปตลอดดังนั้นเราจงใช้ชีวิตให้ระมัดระวัง ที่สุด ตอนขึ้นก็ไม่ทำตัวให้คนเกลียด เพราะว่าชีวิตในขาลงนั้นอาจจะไม่มีใครคบ หรือให้ความช่วยเหลือได้
- ชั่ว หมายถึง ว. เลว, ทราม, ร้าย, ไม่ดีเพราะจงใจฝ่าฝืนศีลธรรมหรือจารีตประเพณีเป็นต้น เช่น คนชั่ว.
- เจ็ด หมายถึง น. จำนวนหกบวกหนึ่ง (กฎ. ๒/๒๖).
- ที หมายถึง น. ครั้ง, คราว, หน, เช่น ทีละน้อย ทีละคน
- ดี หมายถึง ว. มีลักษณะที่เป็นไปในทางที่ต้องการ น่าปรารถนา น่าพอใจ ใช้ในความหมายที่ตรงข้ามกับลักษณะบางอย่างแล้วแต่กรณี คือ ตรงข้ามกับชั่ว เช่น คนดี ความดี, ตรงข้ามกับร้าย เช่น โชคดี เคราะห์ดี
- หน หมายถึง น. ครั้ง, คราว, เช่น กี่หน
ชั่วเจ็ดที ดีเจ็ดหน หมายถึง ในช่วงชีวิตของคนเราไม่มีอะไรเป็นที่แน่นอน มีทั้งสุขและทุกข์ มีทั้งดีและร้าย สลับกันไป ชีวิตของคนเรามักไม่มีอะไรแน่นอน มีทั้งสุขมีทั้งทุกข์ สลับคละเคล้ากันเข้ามาในช่วงของชีวิตของเรา มีทั้งดีมีทั้งร้าย มีรุ่งมีร่วง ดังนั้นเวลาที่ช่วงชีวิตมีปัญหาก็อย่าเพิ่งไปท้อถอย อย่าเศร้าเสียใจ หรือเมื่อมีโชควาสนา มีช่วงชีวิตที่ดีก็อย่าใช้ชีวิตประมาท ลืมตัว เพราะมันไม่แน่หรอกว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นในวันข้างหน้าชีวิตคนเราไม่มีอะไรแน่นอน มีขึ้นมีลง เป็นธรรมดา ได้ดีก็อย่าเหลิงจนลืมตัว ถ้าลำบากย่ำแย่ก็อย่ายอมแพ้ เพราะไม่มีอะไรคงอยู่เป็นอมตะและนิรันดร์ตลอดไป
ชั่วเจ็ดที ดีเจ็ดหน ภาษาอังกฤษ
สำนวนไทย ชั่วเจ็ดที ดีเจ็ดหน ตรงกับสำนวนภาษาอังกฤษที่ว่า “Every cloud has a silver lining.” คำอุปมาอุปมัยสำหรับการมองโลกในแง่ดีในภาษาอังกฤษทั่วไปซึ่งหมายถึง การเกิดเหตุการณ์ด้านลบอาจมีแง่บวก ซึ่งมีความหมายใกล้เคียงกันกับสำนวนไทยที่ว่า ชั่วเจ็ดที ดีเจ็ดหน นั่นเองตัวอย่างการใช้งาน สำนวน คำพังเพย “ชั่วเจ็ดที ดีเจ็ดหน”
- อย่าเสียใจไปเลย คราวนี้ขาดทุน คราวหน้าคงได้กำไรคนเรา ชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน”
- ผมก็เชื่อในคำพังเพยของคนไทยรุ่นพ่อรุ่นแม่ที่สอนไว้ว่า "ชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน" อันหมายถึงเราอาจจะโชคร้ายได้ถึง 7 หน แต่ก็มีโอกาสจะโชคดีได้ 7 หนเช่นกัน
- พระท่านจึงสอนต่อขอให้เราใช้ "สติ" อยู่ตลอดเวลาไม่ว่ายามสุขหรือยามทุกข์มาเยือนเวลาสุขก็อย่าสุขจนลืมตัว เวลาทุกข์ก็อย่าทุรนทุรายจนกลายเป็นเหตุให้ เราต้องทุกข์หนักขึ้นมาอีก ที่ผมเชื่อเรื่อง "สุข" เรื่อง "ทุกข์" หรือนัยหนึ่งเรื่อง "โชค" เรื่อง "เคราะห์" เพราะผมเคยทำวิจัยมาแล้วน่ะครับ
- "ชั่วเจ็ดที ดีเจ็ดหน" คำพูดนี้ สื่อนัยแห่งความไม่แน่นอนของสรรพสิ่ง มีสุขได้ก็ต้องมีทุกข์ได้ มีทุกข์ได้ ก็ต้องมีสุขได้ เปลี่ยนสลับกันไปมาอยู่ทุกเมื่อเชื่อยาม
- โบราณว่า มานุษนี้ “ชั่วเจ็ดที ดีเจ็ดหน” วิถี ชีวิตคน เปลี่ยนสับสน จนวันวาย สัจธรรม จำให้มั่น ทุกข์บีบคั้น อย่าขวัญหาย ทำใจ ให้สบาย สิ่งดี,ร้าย ใช่จีรัง
- ไม่ทราบว่าระหว่าง ชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน กับ ความชั่วไม่เคยมีความดีไม่ปรากฏ คุณคิดว่าคนแบบไหนดีกว่ากันครับ?
- คนเราชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน โจ ฮาร์ท นายประตูจอมอับเฉา ส่อเค้าได้รับโอกาสชุบชีวิตค้าแข้งต่อไปแล้ว
- ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้เปิดเผยเรื่องราวของตัวเองในช่วงที่อยู่ในเรือนจำ ระบุว่า. 30 วันในคุก “ชั่วเจ็ดที ดีเจ็ดหน”.
- ประยุทธ นายไม่ต้องท้อนะ คนเราชั่วเจ็ดที ดีเจ็ดหน ถึงไม่ได้เป็นนายกแล้วก็ยังมีคนรักอยู่ ส่วนมากจะเป็นคนแก่ๆไม้ใกล้ฝั่งทั้งนั้น
- ”อย่าเสียใจไปเลย คราวนี้ขาดทุน คราวหน้าคงได้กำไรคนเรา ชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน”. ผิดพลาดครั้งนี้ก็เริ่มใหม่ได้ ถือซะว่าเป็นบทเรียนก็แล้วกัน
- คุณครูบอกว่าชีวิตตนเราไม่มีอะไรแน่นอน ชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน ดังนั้นเราควรตั้งอยู่ในความไม่ประมาท รักษาศีลรักษาธรรมให้รอดปลอดภัยจากปัญหาทั้งหลายทั้งปวง
- ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนไม่ดี แต่หลังจากที่เขากลับตัวกลับใจแล้ว ก็ทำแต่สิ่งดีๆมาตลอด โดยไม่เข้าไปข้องแวะกับสิ่งไม่ดีอีก คนเรา “ชั่วเจ็ดที ดีเจ็ดหน” ควรให้โอกาสซึ่งกันและกันในการที่จะกลับเข้าสู่สังคม
- การค้าขายนั้นมีทั้งได้กำไรและขาดทุน “ชั่วเจ็ดที ดีเจ็ดหน”อย่างไรก็ตามก็ยังพอเป็นอาชีพเลี้ยงปากท้องของเราได้อยู่เรื่อยๆ