ไฝ่ โมโซนั้นสามารถสืบพันธุ์ได้ทั้ง ใช้เพศ ก็คือการออกดอกแล้สร้างเมล็ด และการขยายพันธุ์โดยไม่ใช่เพศเช่นการแตกหน่อ โดยการขายพันุ์ของไผ่โมโซที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดได้แก่การขยายพัน์โดยไม่ใช้เพศ เนื่องจากเป็นที่นิยมและสามารถขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งมักจะเกิดขึ้นเมื่อต้นไผ่แทงลำขึ้นจากเหง้าที่อยู่ใต้ดินเพื่อสร้างไผ่ลำใหม่ โยการเจริญเติบโตของลำไผ่นั้นจะรวดเร็วมาก ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของต้นไผ่และความอุดมสมบูรณ์ของพื้นดินด้วยว่ามีปัจจัยต่าง ๆเหมาะสมหรือไม่ โดยลำไผ่โมโซนั้นสามารถที่จะสูงได้ถึง 90 ฟุต หรือ 25 เมตรเลยทีเดียว และลำไผ่ก็จะขยายตัวกว้างขึ้นและสูงขึ้นไปอีกจนถึงจุดสูงสุด และจะหยุดการเจริญเติบโต เมื่อลำไผ่นั้นเจริญเติบโตเต็มที่ พวกมันจะไม่โตขึ้นไปอีก
ไผ่โมโซนั้นสามารถออกดอกและสร้างเมล็ดได้ โดยพวกมันจะออกดอกทุก 5 ปีและจะออกดอกมาเป็นจำนวนมากโดยจะร่วงหล่นลงบนพื้นดินพร้อมกันเป็นจำนวนมาก
ซึ่งเป็นที่ดึงดูดให้กับหนูและสัตว์กินเมล็ดให้มากินพวกมันนั่นเป็นสาเหตุว่าทำไม ไผ่โมโซถึงมีอัตราการเกิดน้อยเพราะว่าโดนหนูกินเมล็ดนั่นเอง โดยเมล็ดที่เหลือรอดจากการกินของหนูตามพื้นดินก็จะงอกอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ แต่ว่าต้นอ่อนของไผ่โมโซนั้นอาจจะไม่ได้โตรวดเร็วนัก โดยจะมีการพัฒนาอย่างช้า ๆ เรื่อย ๆจากเหง้าที่อยู่ในดินหลายฤดูพอสมควร เพื่อพัฒนาเหง้าให้มีความแข็งแรงมากพอ จึงจะสามารถที่จะแทงลำไผ่ขึ้นมาได้
การใช้งานไผ่โมโซ
ไผ่นั้นสามารถใช้งานได้หลากหลายวิธี ซึ่งเป็นวัสดุที่หาง่ายในแถบบ้านเรา และสามารถใช้งานได้หลากหายมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้วนิยมนำไม่ไผ่มาใช้งานในชีวิตประจำวันของพวกเราตั้งแต่เกิดจนตาย หน่อไม้นั้นสามารถกินได้ และลำไม้ไผ่นั้นสามารถใช้ในการสร้างที่อยู่อาศัย เพอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ภายในบ้าน หรือสิ่งของอื่น ๆ รอบตัวของคนในสมัยก่อนนั้นจะทำมาจากไม้ไผ่เป็นหลักก่อนยุคที่พลาสติกจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นหลังจากยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ไม่ไผ่เป็นวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถย่อยสลายได้ และไม่ทิ้งสารพิษไว้ในธรรมชาติ เหมือนกับวัสดุในปัจจุบันหน่อไม้นั้นเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมอย่างมากในบ้านเรา และวัฒนธรรมในการกินหน่อไม้นั้นมีความนิยมมาตั้งแต่สมัยโบราณ สามารถทำเมนูอาหารได้หลากหลายมาก หรือจะนำมารับประทานเป็นผักก็ได้ หน่อไม้สามารถใช้ทำอาหารได้เกือบทุกเมนูในประเทศไทย เช่นต้ม ผัด แกง ทอด ยกเว้นของหวานแต่ส่วนของบ้องไม้ไผ่ก็สามารถนำไปบรรจุอาหารได้ และใช้ทำข้าวหลาม ซึ่งเป็นอาหารหวานที่นิยมมากในประเทศไทย
หน่อไม้มีความต้องการสูงในประเทศไทย เนื้อของพวกมันมีสารต้านอนุมูลอิสระจำนวนมาก สามารถทำการแช่แข็งและเก็บได้เหมือนผักอื่น ๆ โดยหน่อไม้ทุกชนิดที่กินได้นั้นมีสรรพคุณในการช่วยลดน้ำหนัก ลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ และเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ทำให้สามารถต่อสู้กับ โรคทางเดินหายใจ โรคทางเดินอาหาร และ ลดโคเลสเตอรอลในร่างกายได้ด้วย
คุณค่าทางอาหารของหน่อไม้
• หน่อไม้ 100 กรัมนั้นมีสารอาหารเพียง 20 แคลอรี่ และมีคาร์โบไฮเดรตเพียง 3-4 กรัมเท่านั้นเป็นส่วนประกอบ• ในหน่อไม้ 100 กรัมนั้นพบน้ำตาลเพียง 2.5 กรัมเท่านั้นถือว่าน้อยกว่าพี่พบในผักและผลไม้ชนิดอื่นมาก
• ไขมันที่พบในหน่อไม้นั้น ต่ำกว่า 0.49 กรัมต่อต่อไม้ 100 กรัม
• โปรตีน ในหน่อไม้ 100 กรัมพบว่ามีโปรตีนเป็นส่วนประกอบเพียง 2-2.5 กรัมเท่านั้น
• วิตามินที่พบในหน่อไม้นั้นได้แก่ vitamin A, vitamin B6, vitamin E, thiamin, riboflavin, niacin, folate and pantothenic acid.
• เยื่อใยในหน่อไม้นั้นพบอยู่จำนวน 6-8 กรัมต่อหน่อไม้ 100 กรัม
• หน่อไม้ช่วยให้เจริญอาหาร เพราะมีสารจำพวกเซลูโลสมาก และเนื้อหน่อไม้ทำให้อาหารน่ากิน
การใช้ไผ่โมโซในการทำเส้นใยสังเคราห์
เส้นใยสังเคราะห์ที่ทำจากต้นไผ่นั้นเป็นเส้นใยที่มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาก การปลูกไผ่นั้นก็ไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมีในการบวนการผลิตด้วย อีกทั้งการปลูกไผ่นั้นยังเป็นการบำรุงดินอย่างดี และต้นไผ่นั้นมีการเจริญเติบดตที่รวดเร็วมาก และเป็นวัสดุที่สามารถย่อยสลายได้ 100 เปอร์เซ็นต์ทุกส่วนของต้นไผ่นั้นสามารถใช้งานได้การนำเอาเส้นใยของไผ่มาทำเส้นใยสังเคราห์เพื่อใช้ในการทำสิ่งทอนั้นก็เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการใช้เสื้อผ้าที่ทำจากเส้นใยชองไผ่นั้นก็เป็นเส้นใยสังเคราะห์จากธรรมชาติ สามารถย่อยสลายได้ และไม่มีเส้นใยไมโครพลาสติก ซึ่งกำลังพบว่ากำลังก่อให้เกิดปัญหาอยู่ในปัจจุบันนี้นั่นเอง
สำหรับไผ่โมโซนั้น ตามที่เราเห็นว่ามีคนนำเมล็ดพันธุ์มาขายนั้นเป็นความจริง ไผ่โมโซนั้นสามารถมีเมล็ดจริง แต่ว่าจะงอได้หรือไม่ได้นั่นอีกเรื่องหนึ่ง โดยในประเทศไทยเท่าที่ลองหาขอมูลดูไผ่โมโซนั้นจะไม่สามารถแทงลำขึ้นมาได้ โดยคนที่ปลูกส่วนมากก็จะเห็นมันเป็นแค่พุ่มเท่านั้นเองไม่ทราบว่ามีปัจจัยเกี่ยวกับสภาพอากาศมาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่