ทำไมต้องชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์เป็นประจำ ? สำหรับรถที่ไม่ได้งานเป็นประจำทุกวันนั้นแบตเตอรี่ถ้าปล่อยทิ้งเอาไว้ไม่ว่าจะใช้งานหรือไม่ใช้งานก็ตาม แบตเตอรี่จะทำการคายประจุ ซึ่งเป็นปกติของพวกมันอยู่แล้ว ไฟฟ้าที่ถูกเก็บอยู่ในแบตเตอรี่นั้นก็จะลดลงเรื่อย ๆตามอัตราการคายประจุในแต่ละตัวแตกต่างกันจนแบตเตอรี่หมดไฟได้ถ้าปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ และเมื่อแบตเตอรี่หมดไฟก็จะเริ่มเกิดอาการแบตเตอรี่เสื่อมตามมา ซึ่งถ้าแบตเตอรี่เสื่อมละก็ ต้องซื้อมาเปลี่ยนลูกเดียวไม่แนะนำให้ซ่อมเพราะถ้าชาร์จแล้วนำมาใช้มันจะทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ และคุณอาจจะกินข้าวลิงเป็นระยะ ๆ
การทิ้ง แบตเตอรี่ ตะกั่วกรดไว้เฉย ๆ เป็นเวลานาน แบตเตอรี่ จะคายประจุออกไปเรื่อย ๆ ด้วยตัวมันเอง ( Self Discharge ) ถ้าไม่ชาร์จเพื่อเติมประจุให้กับ แบตเตอรี่ ผลึกของตะกั่วซัลเฟตที่เกิดขึ้นที่แผ่นธาตุลบจะรวมตัวกันแล้วมีขนาดใหญ่ขึ้น ผลึกที่มีขนาดใหญ่นี้จะไปขัดขวางการไหลของกระแสทำให้กระแสไหลได้น้อยลง ส่งผลให้ แบตเตอรี่ จ่ายกระแสให้กับโหลดได้น้อยลง นอกจากนี้ผลึกที่มีขนาดใหญ่จะมีเหลี่ยมหรือมุมที่คมและแหลม ในกรณีที่ร้ายแรงอาจจะทิ่มจนแผ่นธาตุทะลุได้ ทำให้ แบตเตอรี่ เกิดการลัดวงจรขึ้นภายในเราจะเรียกปรากฎที่เกิดผลึกขนาดใหญ่ของตะกั่วซัลเฟตนี้ว่าการเกิด ซัลเฟชั่น (Sulphation)
การเกิดซัลเฟชั่นจะเกิดได้ง่ายยิ่งขึ้นถ้าทิ้ง แบตเตอรี่ตะกั่วกรด ไว้โดยที่ไม่มีประจุเหลืออยู่เลย ดังนั้นจึงควรเก็บแบตเตอรี่ ไว้โดยการชาร์จให้ประจุเต็มอยู่เสมอ ด้วยการชาร์จเติมประจุโดยใช้กระแสต่ำ ๆ ไปเรื่อย ๆ ซึ่งเรียกว่าทริกเกิลชาร์จ หรือโฟลท ชาร์จซึ่งการชาร์จแบบนี้มักจะพบในระบบสำรองไฟฟ้าหรือระบบไฟแสงสว่างฉุกเฉิน เพื่อให้แบตฯ มีประจุอยู่เต็มอยู่ตลอดเวลาเป็นการรักษาแบตฯ และทำให้แบตเตอรี่ พร้อมที่จะจ่ายพลังงานได้ทันทีเมื่อระบบไฟฟ้าหลักขัดข้องหรือจ่ายกระแสให้กับระบบไฟส่องสว่างเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินหรือไฟฟ้าดับ
การชาร์จแบตเตอรี่แบบตะกั่วกรดโดยทั่วไปใช้เวลาประมาณ 8-16 ชั่วโมง โดยขึ้นอยู่กับขนาดความจุของแบตเตอรี่ โดยแบตเตอรี่ แบบแห้งนั้นจะชาร์จได้ช้ากว่าแบบเปียก เพราะจะต้องลดอัตราการชาร์จลงเพื่อไม่ให้เกิดแก๊สขึ้นภายในเซลล์มากเกินไป การสะสมของแก๊สในแบตเตอรี่รถยนต์ จะทำให้ความดันภายในเซลล์สูงขึ้น ทำให้สูญเสียอิเล็กทรอไลท์ไปจากการระบายแก๊สออกไป หรือการระบายน้ำออกทางรูระบายหรือเซฟตี้วาล์ว ของแบตเตอรี่ที่มักจะมีอยู่ทุกอัน หรืออาจทำให้แบตเตอรี่ ถึงขั้นระเบิดหรือแตกเสียหายได้ถ้าชาร์จเร็วสูงทำให้ความดันสูงไปด้วยจนเซฟตี้วาล์วระบายความดันไม่ทัน
การเลือกซื้อเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ในรถยนต์
ในการเลือกซื้อเครื่องชาร์จแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์นั้นมีหลายสิ่งที่จะต้องพิจารณาเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งาน โดยจะต้องคำนึงถึงสิ่งต่าง ๆต่อไปนี้- ชนิดของแบตเตอรี่ โดยในปัจจุบันนี้จะมีแบตเตอรี่ 2 แบบคือ แบตเตอรี่ตะกั่วกรด และแบตเตอรี่แบบแห้ง ซึ่งยังสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 แบบ ได้แก่ แบบเจลและแบบ AGM ซึ่งเครื่องชาร์จบางแบบอาจจะไม่เหมาะสำหรับชาร์จแบตเตอรี่บางชนิด ซึ่งการใช้เครื่องชาร์จผิดประเภทอาจจะทำให้แบตเตอรี่เสียได้ ดังนั้นควรดูว่าเครื่องชาร์จเหมาะสำหรับแบตเตอรี่แบบใด
- ความจุของแบตเตอรี่ โดยเลือกเครื่องชาร์จให้ตรงกับควาจุของแบตเตอรี่ เช่นแบตเตอรี่ขนาด 10 แอมป์ควรที่จะใช้เครื่องชาร์จที่รองรับ 10 แอมป์ ส่วนแบตเตอรี่ 60 แอมป์นั้นถ้าใช้เครื่องชาร์จ 10 แอมป์จะใช้เวลานานกว่าปกติมากกว่าแบตเตอรี่จะเต็มดังนั้นควรเลือกให้เหมาะสมและสมดุลกัน
- เลือกตามราคาโดยบางรุ่นที่ราคาแพงหน่อยก็จะมีฟีเจอร์ต่าง ๆที่น่าสนใจเพิ่มเข้ามาเช่น เครื่องชาร์จฟื้นฟูสลายซัลเฟตแบตเตอรี่ การจั๊มสตาร์ทรถยนต์ใน 10 วินาที หรืออื่น ๆ ซึ่งก็จะทำให้ราคาสูงขึ้นไปอีกด้วย
แนะนำเครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์
สำหรับเครื่องชาร์จแบตเตอรี่นั้นมีหลายแบบหลายรุ่น โดยสำหรับคนที่มองหาเครื่องชาร์จที่มีฟังก์ชั่น สลายซัลเฟตในตัว มีโหมดจั๊มสตาร์ท ใช้ได้ทั้งแบตน้ำและแบตแห้ง แนะนำ เครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ฟื้นฟูอัตโนมัติ 5-400 Ah สามารถเลือกที่จะชาร์จด้วยกระแส 7A, 14A, 20A, 40A และเครื่องจะหยุดชาร์จอัตโนมัติเมื่อแบตเตอรี่เต็ม หรือเต็มตัดนั่นเอง เครื่องมีระบบป้องกันการเสียบผิดขั้วท่านสุภาพสตรีไม่ต้องกังวล หากเสียบผิดเครื่องจะไม่ทำงานและไม่เสีย แน่นอน เมื่อเสียบถูกขั้วเครื่องถึงจะทำงาน เราแนะนำเครื่องนี้ ฟังก์ชั่นเรียกได้ว่าครบมาก ๆ ดูเพิ่มเติมได้ที่นี่แต่อย่างไรก็ตาม เราอาจจะเคยได้ยินคำว่าสลายซัลเฟต คำว่าทำสาวแบตเตอรี่ คำว่าฟื้นฟูแบตเตอรี่ จริง ๆเป็นสิ่งเดียวกันคือการพยายามทำให้แบตเตอรี่ที่เสื่อมสภาพแล้วกลับมาใช้ได้ดีอีกครั้งหนึ่ง แต่มีแบตเตอรี่บางลูกเท่านั้นที่สามารถฟื้นฟูให้ดีขึ้นได้ และมีแบตเตอรี่จำนวนมากที่จำเป็นต้องตัดใจทิ้งไป