เครื่องเป่าลมร้อน หรือ ปืนเป่าลมร้อน ประกอบด้วยส่วนที่ให้ความร้อน มอเตอร์ และ พัดลมซึ่งพัดลมนั้นเป่าลมร้อนจาก แหล่งให้ความร้อนผ่านเข้ามาทาง ด้านปลายของเครื่องเป่าลมร้อน ทำให้ได้ลมร้อนออกมากใช้งาน โดยสามารถเอาไปใช้ในงานต่าง ๆได้อย่างหลากหลายไม่ว่าจะเป็น เป่าท่อหด เป่าพลาสติกหุ้มส่วนประกอบต่าง ๆ ลอกสี และอื่น ๆ เรียกได้ว่าสามารถใช้งานได้เอนกประสงค์เลยทีเดียว
แต่ถ้าคุณเริ่มสนใจที่จำซื้อมาไว้ใช้งานละก็ อาจจะเริ่มลังเลในการเลือกซื้อว่า ควรซื้อแบบไหน รุ่นไหน ยี่ห้อใดที่จะเหมาะกับการใช้งานของคุณที่สุด ซึ่งในท้องตลาดนั้น เครื่องเป่าลมร้อน มีให้เลือกเยอะมาก
หลังจากที่ได้เริ่มค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเจ้า เครื่องเป่าลมร้อน อยู่พอสมควรแล้วเราจึงได้ทำการสรุปข้อมูลต่าง ๆออกมาเป็นไกด์ที่จะแนะนำคุณในการเลือกซื้อ เครื่องเป่าลมร้อน หรือปืนเป่าลมร้อน เพื่อที่จะช่วยให้คุณนั้นสามารถเลือกซื้ออุปกรณ์ที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานของคุณมากที่สุด โดยมีรายละเอียดด้านล่างนี้ ติดตามอ่านกันได้เลย
แนะนำเครื่องเป่าลมร้อนที่ดีที่สุด แบบไหน รุ่นไหน ยี่ห้อไหนดี
#1.เครื่องเป่าลมร้อน Black&Decker KX1800
เครื่องเป่าลมร้อนกำลังไฟถึง 1800 วัตต์สามารถปรับระดังความร้อนได้ อัตราการไหลของลมอยู่ที่ 550-750 ลิตร ต่อนาที เหมาะสำหรับใช้ ลอกสี ดัดงอพลาสติก ซ่อมพลาสติก ติดสติ๊กเกอร์ และ อื่น ๆ ด้ามจับกระชับ แข็งแรง ทนทาน น้ำหนักเบา เหมาะสำหรับการใช้งานเป็นเวลานาน สวิตช์แบบล็อกได้ สะดวกสบายในการใช้งาน
คุณสมบัติเด่น
- สามารถปรับระดับความร้อนได้ 400 -500 องศา
- อัตราการไหลของลม 550-750 L/min
- สายไฟยาว 2เมตร
- ด้ามจับกระชับเสริมยางกันลื่น ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบา
- จับปืนเป็นอย่างดีสมดุลสำหรับการใช้งานในช่วงระยะเวลานาน
- ขาตั้งในตัวสำหรับเย็นลงได้ง่าย ล็อคสวิตช์สำหรับความสะดวกสบายในการใช้งานแบบแฮนด์ฟรี
- ใช้ลอกสี ดัดงอพลาสติก ซ่อมพลาสติก ติดสติ๊กเกอร์ และ อื่น ๆ
- ล็อคสวิตช์สำหรับความสะดวกสบายในการใช้งานแบบแฮนด์ฟรี
- รับประกันสินค้า 1 ปี
#2.เครื่องเป่าลมร้อน STANLEY รุ่น STEL670
เป็นเครื่องเป่าลมร้อนที่ราคาไม่แพง กำลังไฟสูงถึง 2000 วัตต์ ตัวเครื่องสามารถให้อุณหภูมิลมตั้งแต่ 50-600 องศาเซลเซียส ปริมาตรการไหลของอากาศอยู่ที่ 300-500 ลิตร ต่อนาที เป็นแบรนด์ที่น่าเชื่อถือตัวเครื่องมีความทนทาน และ ราคาไม่แพง แนะนำเลย
คุณสมบัติเด่น
- หัวทรงกลม
- ปริมาณลมแบบ 2 ระดับ
- การตั้งค่าอุณหภูมิที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของผู้ใช้
- อุณหภูมิลม50-450 / 90-600 องศา
- การไหลของอากาศ300 / 500 ลิตร/นาที
- สายไฟยาว 3 เมตร
#3.MAKITA เครื่องเป่าลมร้อน รุ่น HG6003
เครื่องเป่าลมร้อน จาก มากิต้า ใช้สำหรับ ลอกสี ดัดงอพลาสติก ซ่อมพลาสติก ติดสติ๊กเกอร์ และ อื่น ๆ ตัวเครื่องใช้กำลังไฟฟ้า 1800 วัตต์ ให้อุณหภูมิสูงสุด 600 องศาเซลเซียส อัตราการไหลของลม สูงสุดที่ 520 ลิตรต่อนาที มาพร้อมหัวพ่น 2 หัวเป็นหัวลด 1 หัว และ หัวแบน 1 หัว ราคาไม่แพงคุณภาพดี
คุณสมบัติเด่น
- ใช้ลอกสี ดัดงอพลาสติก ซ่อมพลาสติก ติดสติ๊กเกอร์ และ อื่น ๆ
- ด้ามจับกระชับเสริมยางกันลื่น ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบา
- มาพร้อมหัวต่อ 2แบบ เพื่อให้เหมาะสมกับงาน
- ปรับความแรงได้สองระดับ
- กำลังไฟ Lo.900 w , Hi. 1,800 w
- อุณหภูมิ (degrees C): Lo. 400 องศาเซลเซียส
- อุณหภูมิ (degrees C): Hi. 600 องศาเซลเซียส
- อัตราการไหลของลม Lo. 255 L/min
- อัตราการไหลของลม Hi. 520 L/min
- น้ำหนัก 0.92 กิโลกรัม
- สายไฟยาว 2เมตร
สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนทำการเลือกซื้อเครื่องเป่าลมร้อน หรือ ปืนเป่าลมร้อน
เครื่องเป่าลมร้อน นั้นเป็นอุปกรณ์ที่มีหลักการทำงานง่ายๆที่ประกอบไปด้วยชิ้นส่วนเพียงไม่กี่ชิ้น แต่ก็มีสิ่งสำคัญที่จะต้องพิจารณาก่อนที่จะซื้อมาใช้งาน ได้แก่
1.กำลังไฟ หรือกำลังวัตต์
กำลังวัตต์ของ เครื่องเป่าลมร้อน นั้นจะเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความสามารถในการทำความร้อนว่า อุปกรณ์สามารถทำความร้อนได้สูงเพียงใด ทำความร้อนได้รวดเร็วเพียงใด ซึ่งจะมีหน่วยเป็น วัตต์ โดยเครื่องเป่าลมร้อนในท้องตลาดปัจจุบันนี้ มีกำลังไฟอยู่ที่ประมาณ 1500 – 2500 วัตต์ โดยที่ค่าวัตต์ยิ่งมาก ก็จะให้ความร้อนมาก และร้อนเร็ว ช่วยให้คุณทำงานต่าง ๆได้อย่างรวดเร็วด้วย
แต่ก็อย่าลืมว่า ในการใช้งานแต่ละครั้ง ยิ่งเครื่องใช้ไฟฟ้ามีกำลังวัตตมาก ก็จะกินกระแสไฟฟ้ามากขึ้น และ ราคาของอุปกรณ์ก็จะมีราคาที่แพงขึ้นด้วย
2.ระบบปรับระดับความร้อน
การใช้งานที่ต้องการความร้อนที่เหมาะสมสำหรับงานบางประเภทนั้น การที่สามารถควบคุมระดับความร้อนที่ออกมาจากเครื่องได้นั้นจะช่วยให้งานนั้นมีประสิทธิภาพที่ดีกว่า การเป่าลมร้อนแบบเต็มที่ซึ่งจะกะระยะ หรือควบคุมสิ่งต่าง ๆได้ยากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในง่านที่ต้องใช้ลมร้อนในอุณหภูมิที่เฉพาะเจาะจง
3.สวิตช์ ควบคุมเพื่อความปลอดภัย
ตัวสวิตช์ควบคุมที่มีระบบล็อกให้ทำงานได้โดยไม่ต้องกดสวิตช์ตลอดเวลานั้นก็จะช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานได้ดี ช่วยให้ไม่ต้องปวดมือเวลากด ในกรณีที่ต้องใช้งานนาน ๆ และระบบความปลอดภัยที่จะตัดการทำงานของสวิตช์ทันทีเมื่อเครื่องหลุดมือหล่นพื้นก็จำเป็นเช่นกัน
4.ระบบควบคุมความเร็วลมร้อน
การที่มีระบบควบคุมความเร็วลมที่แตกต่างกันหลายระดับนั้นจะทำให้การทำงานง่ายขึ้นกว่าเดิม โดยจะช่วยให้คุณสามารถปรับค่าความเร็วของลมร้อนให้เหมาะสมกับการใช้งาน
ระบบควบคุมความร้อนเกิน
ระบบตัดไฟในกรณีที่อุณภูมิเกินความปลอดภัย หรือการเกิดโอเวอร์ฮีท จนอาจทำให้อุปกรณ์เสียหาย ซึ่งจะช่วยในการป้องกันอันตรายที่อาจเกิดจากการใช้งานได้อีกด้วย.
5.หัวพ่น
หัวพ่นที่หลากหลายนั้นช่วยให้เครื่องเป่าลมร้อน นั้นสามารถใช้งานได้เหมาะสมกับลักษณะงานต่าง ๆที่ต้องการการเข้าถึงที่แตกต่างกันได้ ซึ่งจะช่วยให้คุณเลือกใช้งานได้สะดวกมากขึ้นกว่าการที่มีหัวพ่นเพียงอันเดียวแน่นอน โดยหัวพ่นที่ควรมีในการใช้งานในอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง ได้แก่ หัวพ่นลดขนาด เพื่อให้ความร้อนที่ออกมามีความเข้มข้นสูงกว่าปกติ หัวพ่นแบบ แบนให้เข้าถึงพื้นที่ได้กว้างขึ้น หัวพ่นแบบ ย้อนกลับ ช่วยให้สามารถใช้ในท่อหดได้ง่ายขึ้น
เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับ ข้อมูลที่เราได้รวบรวมมาให้คุณหวังว่าจะเป็นประโยชน์และสามารถช่วยคุณให้เลือกซื้อเครื่อง เครื่องเป่าลมร้อน ได้ถูกใจคุณไม่มากก็น้อย