-->

เครื่องเป่าลมร้อน รุ่นไหน ยี่ห้อไหนดี





Laz Flash Sale ลดแรงกว่า 90%
ดีลจำกัดเวลา ให้คุณเลือกซื้อสินค้าราคาพิเศษได้ทุกวัน สินค้าลดราคากับ Flash Sale
Lazada แฟลชเซล จัดเต็มดีลฮิตทุกวัน ช้อปออนไลน์ 24 ชั่วโมง ☆ดีลจำกัดเวลาสุดฮอต ☆ลดราคาแรง ☆สินค้าหลากหลาย

ช้อปเลย





เครื่องเป่าลมร้อน รุ่นไหน ยี่ห้อไหนดี



เครื่องเป่าลมร้อน หรือ ปืนเป่าลมร้อน ประกอบด้วยส่วนที่ให้ความร้อน มอเตอร์ และ พัดลมซึ่งพัดลมนั้นเป่าลมร้อนจาก แหล่งให้ความร้อนผ่านเข้ามาทาง ด้านปลายของเครื่องเป่าลมร้อน ทำให้ได้ลมร้อนออกมากใช้งาน โดยสามารถเอาไปใช้ในงานต่าง ๆได้อย่างหลากหลายไม่ว่าจะเป็น เป่าท่อหด เป่าพลาสติกหุ้มส่วนประกอบต่าง ๆ ลอกสี และอื่น ๆ เรียกได้ว่าสามารถใช้งานได้เอนกประสงค์เลยทีเดียว



แต่ถ้าคุณเริ่มสนใจที่จำซื้อมาไว้ใช้งานละก็ อาจจะเริ่มลังเลในการเลือกซื้อว่า ควรซื้อแบบไหน รุ่นไหน ยี่ห้อใดที่จะเหมาะกับการใช้งานของคุณที่สุด ซึ่งในท้องตลาดนั้น เครื่องเป่าลมร้อน มีให้เลือกเยอะมาก
หลังจากที่ได้เริ่มค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเจ้า เครื่องเป่าลมร้อน อยู่พอสมควรแล้วเราจึงได้ทำการสรุปข้อมูลต่าง ๆออกมาเป็นไกด์ที่จะแนะนำคุณในการเลือกซื้อ เครื่องเป่าลมร้อน หรือปืนเป่าลมร้อน เพื่อที่จะช่วยให้คุณนั้นสามารถเลือกซื้ออุปกรณ์ที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานของคุณมากที่สุด โดยมีรายละเอียดด้านล่างนี้ ติดตามอ่านกันได้เลย

แนะนำเครื่องเป่าลมร้อนที่ดีที่สุด แบบไหน รุ่นไหน ยี่ห้อไหนดี



#1.เครื่องเป่าลมร้อน Black&Decker  KX1800



เครื่องเป่าลมร้อนกำลังไฟถึง 1800 วัตต์สามารถปรับระดังความร้อนได้  อัตราการไหลของลมอยู่ที่ 550-750 ลิตร ต่อนาที เหมาะสำหรับใช้ ลอกสี ดัดงอพลาสติก ซ่อมพลาสติก ติดสติ๊กเกอร์ และ อื่น ๆ ด้ามจับกระชับ แข็งแรง ทนทาน น้ำหนักเบา เหมาะสำหรับการใช้งานเป็นเวลานาน สวิตช์แบบล็อกได้ สะดวกสบายในการใช้งาน

Black&Decker เครื่องเป่าลมร้อน KX1800

คุณสมบัติเด่น


  •  สามารถปรับระดับความร้อนได้ 400 -500 องศา
  •  อัตราการไหลของลม 550-750 L/min
  •  สายไฟยาว 2เมตร
  •  ด้ามจับกระชับเสริมยางกันลื่น ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบา
  • จับปืนเป็นอย่างดีสมดุลสำหรับการใช้งานในช่วงระยะเวลานาน
  •  ขาตั้งในตัวสำหรับเย็นลงได้ง่าย ล็อคสวิตช์สำหรับความสะดวกสบายในการใช้งานแบบแฮนด์ฟรี
  • ใช้ลอกสี ดัดงอพลาสติก ซ่อมพลาสติก ติดสติ๊กเกอร์ และ อื่น ๆ
  •  ล็อคสวิตช์สำหรับความสะดวกสบายในการใช้งานแบบแฮนด์ฟรี
  • รับประกันสินค้า 1 ปี




#2.เครื่องเป่าลมร้อน STANLEY รุ่น STEL670 



เป็นเครื่องเป่าลมร้อนที่ราคาไม่แพง กำลังไฟสูงถึง 2000 วัตต์ ตัวเครื่องสามารถให้อุณหภูมิลมตั้งแต่ 50-600 องศาเซลเซียส ปริมาตรการไหลของอากาศอยู่ที่ 300-500 ลิตร ต่อนาที เป็นแบรนด์ที่น่าเชื่อถือตัวเครื่องมีความทนทาน และ ราคาไม่แพง แนะนำเลย

STANLEY เครื่องเป่าลมร้อน รุ่น STEL670

คุณสมบัติเด่น


  • หัวทรงกลม
  • ปริมาณลมแบบ 2 ระดับ
  • การตั้งค่าอุณหภูมิที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของผู้ใช้
  • อุณหภูมิลม50-450 / 90-600 องศา
  • การไหลของอากาศ300 / 500 ลิตร/นาที
  • สายไฟยาว 3 เมตร




#3.MAKITA เครื่องเป่าลมร้อน รุ่น HG6003


เครื่องเป่าลมร้อน จาก มากิต้า ใช้สำหรับ ลอกสี ดัดงอพลาสติก ซ่อมพลาสติก ติดสติ๊กเกอร์ และ อื่น ๆ ตัวเครื่องใช้กำลังไฟฟ้า 1800 วัตต์ ให้อุณหภูมิสูงสุด 600 องศาเซลเซียส อัตราการไหลของลม สูงสุดที่ 520 ลิตรต่อนาที มาพร้อมหัวพ่น 2 หัวเป็นหัวลด 1 หัว และ หัวแบน 1 หัว ราคาไม่แพงคุณภาพดี

MAKITA เครื่องเป่าลมร้อน รุ่น HG6003

คุณสมบัติเด่น


  • ใช้ลอกสี ดัดงอพลาสติก ซ่อมพลาสติก ติดสติ๊กเกอร์ และ อื่น ๆ
  •  ด้ามจับกระชับเสริมยางกันลื่น ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบา
  •  มาพร้อมหัวต่อ 2แบบ เพื่อให้เหมาะสมกับงาน
  •  ปรับความแรงได้สองระดับ
  • กำลังไฟ Lo.900 w , Hi. 1,800 w
  • อุณหภูมิ (degrees C): Lo. 400 องศาเซลเซียส
  •  อุณหภูมิ (degrees C): Hi. 600 องศาเซลเซียส
  •  อัตราการไหลของลม Lo. 255 L/min
  • อัตราการไหลของลม Hi. 520 L/min
  •  น้ำหนัก 0.92 กิโลกรัม
  • สายไฟยาว 2เมตร





สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนทำการเลือกซื้อเครื่องเป่าลมร้อน หรือ ปืนเป่าลมร้อน



เครื่องเป่าลมร้อน นั้นเป็นอุปกรณ์ที่มีหลักการทำงานง่ายๆที่ประกอบไปด้วยชิ้นส่วนเพียงไม่กี่ชิ้น แต่ก็มีสิ่งสำคัญที่จะต้องพิจารณาก่อนที่จะซื้อมาใช้งาน ได้แก่

1.กำลังไฟ หรือกำลังวัตต์



กำลังวัตต์ของ เครื่องเป่าลมร้อน นั้นจะเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความสามารถในการทำความร้อนว่า อุปกรณ์สามารถทำความร้อนได้สูงเพียงใด ทำความร้อนได้รวดเร็วเพียงใด ซึ่งจะมีหน่วยเป็น วัตต์ โดยเครื่องเป่าลมร้อนในท้องตลาดปัจจุบันนี้ มีกำลังไฟอยู่ที่ประมาณ 1500 – 2500 วัตต์ โดยที่ค่าวัตต์ยิ่งมาก ก็จะให้ความร้อนมาก และร้อนเร็ว ช่วยให้คุณทำงานต่าง ๆได้อย่างรวดเร็วด้วย
แต่ก็อย่าลืมว่า ในการใช้งานแต่ละครั้ง ยิ่งเครื่องใช้ไฟฟ้ามีกำลังวัตตมาก ก็จะกินกระแสไฟฟ้ามากขึ้น และ ราคาของอุปกรณ์ก็จะมีราคาที่แพงขึ้นด้วย


2.ระบบปรับระดับความร้อน


การใช้งานที่ต้องการความร้อนที่เหมาะสมสำหรับงานบางประเภทนั้น การที่สามารถควบคุมระดับความร้อนที่ออกมาจากเครื่องได้นั้นจะช่วยให้งานนั้นมีประสิทธิภาพที่ดีกว่า การเป่าลมร้อนแบบเต็มที่ซึ่งจะกะระยะ หรือควบคุมสิ่งต่าง ๆได้ยากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในง่านที่ต้องใช้ลมร้อนในอุณหภูมิที่เฉพาะเจาะจง


3.สวิตช์ ควบคุมเพื่อความปลอดภัย


ตัวสวิตช์ควบคุมที่มีระบบล็อกให้ทำงานได้โดยไม่ต้องกดสวิตช์ตลอดเวลานั้นก็จะช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานได้ดี ช่วยให้ไม่ต้องปวดมือเวลากด ในกรณีที่ต้องใช้งานนาน ๆ และระบบความปลอดภัยที่จะตัดการทำงานของสวิตช์ทันทีเมื่อเครื่องหลุดมือหล่นพื้นก็จำเป็นเช่นกัน


4.ระบบควบคุมความเร็วลมร้อน


การที่มีระบบควบคุมความเร็วลมที่แตกต่างกันหลายระดับนั้นจะทำให้การทำงานง่ายขึ้นกว่าเดิม โดยจะช่วยให้คุณสามารถปรับค่าความเร็วของลมร้อนให้เหมาะสมกับการใช้งาน
ระบบควบคุมความร้อนเกิน
ระบบตัดไฟในกรณีที่อุณภูมิเกินความปลอดภัย หรือการเกิดโอเวอร์ฮีท จนอาจทำให้อุปกรณ์เสียหาย ซึ่งจะช่วยในการป้องกันอันตรายที่อาจเกิดจากการใช้งานได้อีกด้วย.


5.หัวพ่น


หัวพ่นที่หลากหลายนั้นช่วยให้เครื่องเป่าลมร้อน นั้นสามารถใช้งานได้เหมาะสมกับลักษณะงานต่าง ๆที่ต้องการการเข้าถึงที่แตกต่างกันได้ ซึ่งจะช่วยให้คุณเลือกใช้งานได้สะดวกมากขึ้นกว่าการที่มีหัวพ่นเพียงอันเดียวแน่นอน โดยหัวพ่นที่ควรมีในการใช้งานในอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง ได้แก่ หัวพ่นลดขนาด เพื่อให้ความร้อนที่ออกมามีความเข้มข้นสูงกว่าปกติ หัวพ่นแบบ แบนให้เข้าถึงพื้นที่ได้กว้างขึ้น หัวพ่นแบบ ย้อนกลับ ช่วยให้สามารถใช้ในท่อหดได้ง่ายขึ้น


เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับ ข้อมูลที่เราได้รวบรวมมาให้คุณหวังว่าจะเป็นประโยชน์และสามารถช่วยคุณให้เลือกซื้อเครื่อง เครื่องเป่าลมร้อน  ได้ถูกใจคุณไม่มากก็น้อย