การใช้งานน้ำยาปรับผ้านุ่ม นั้นมีเทคนิคที่สำคัญคือห้ามเทรวมไปกับผงซักฟอกเด็ดขาด เพราะผงซักฟอกนั้นมีหน้าที่ในการทำความสะอาดเนื้อผ้า ฝุ่นผงต่างๆที่ติดอยู่ตามเนื้อผ้าให้หลุดออกมาจากเนื้อผ้าดังนั้นการใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มเข้าไปพร้อมกับผงซักฟอกจึงเป็นวิธีที่ผิดมาก
ข้อเสียของน้ำยาปรับผ้านุ่ม ได้มีรายงานว่าหากใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มในผ้าขนหนูนั้นจะทำให้เนื้อผ้าของผ้าขนหนูนั้นสามารถทำการดูดซับน้ำได้น้อยลงกว่าเดิม เพราะตัวน้ำยาปรับผ้านุ่มได้เข้าไปเคลือบเนื้อเส้นใยของผ้าขนหนูทำให้มีความสามารถในการดูดซับน้ำได้น้อยกว่าเดิมมาก ไม่รู้เป็นความจริงหรือไม่หากผู้อ่าน ทดลองแล้วช่วยเอาข้อมูลมาแชร์ให้เรารู้บ้าง
ประโยชน์ของน้ำยาปรับผ้านุ่ม
• ทำให้เสื้อผ้ามีกลิ่นหอม น่าสวมใส่ และทำให้ใส่สบาย• น้ำยาปรับผ้านุ่มช่วยปกป้องเสื้อผ้า มีประสิทธิภาพช่วยให้ใยผ้าแต่ละเส้นนุ่มขึ้น ช่วยให้เนื้อผ้าคงสภาพเดิม ยืดหยุ่น
• การใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มกับเสื้อผ้าจะช่วยให้ผ้ายับน้อยลงเมื่อนำออกมาจากเครื่องซักผ้า ผ้าที่นุ่มนั้นจะช่วยในการคลายเนื้อผ้าได้ดีขึ้นจึงช่วยให้การรีดผ้าเป็นไปได้อย่างง่ายดาย
การเลือกซื้อ น้ำยาปรับผ้านุ่ม นั้นต้องคำนึงถึงสิ่งใดบ้าง
สิ่งเหล่านี้สำคัญมากก่อนที่เราจะเลือกซื้อน้ำยาปรับผ้านุ่มมาใช้งาน การพิจารณาตามความเหมาะสม โดยต้องคำนึงถึงสิ่งสำคัญเหล่านี้ด้วยได้แก่1.กลิ่น
หลังจากที่ใช้แล้วต้องให้กลิ่นหอม แบบไม่ฉุนจนเกินไปเพราะว่ากลิ่นที่ฉุนนั้นอาจทำให้คุณเวียนหัวได้ และ อาจสร้างความรังเกียจให้กับผู้คนรอบข้าง จนไม่อยากเข้าใกล้เลยก็ได้2.อาการแพ้
น้ำยาปรับผ้านุ่ม บางยี่ห้อใช้สารที่อาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้ในบางคน หรือมีสารที่ทำให้แห้แพ้ได้ในเด็กที่ผิวบอบบาง ดังนั้นควรพิจารณาให้ดี หลังจากลองใช้ไปแล้วว่า มีอาการแพ้โดยจะมีอาการคัน เป็นผื่นเมื่อสวมใส่เสื้อผ้าที่ผ่านการแช่ด้วย น้ำยาปรับผ้านุ่ม ยี่ห้อดังกล่าวหรือไม่3.ราคา
เป็นปัจจัยที่สำคัญในการเลือกซื้อเพราะ ถึงจะใช้ราคาแพงแต่คุณสมบัติเท่ากันใช้ได้เหมือนกับยี่ห้อถูกๆ กฌควรที่จะเลือกที่ราคาถูกกว่าไว้ก่อน4.ตะกอน
น้ำยาปรับผ้านุ่ม นั้นบางยี่ห้อเมื่อใช้งานไปนานๆจะเกิดการตกตะกอนเป็นฝุ่นผงเล็กๆที่ติดอยู่ตามถังซักของเครื่องซักผ้าดังนั้นควรเลือกยี่ห้อที่ไม่มีปัญหาดังกล่าว และมีการล้างถังซักเป็นประจำ เพื่อป้องกันปัญหาตะกอนเศษในเครื่องซักผ้าที่เกิดจาก น้ำยาปรับผ้านุ่ม
วิธีการใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม
ควรใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มในปริมาณที่เหมาะสมตามคำแนะนำของผู้ผลิตระบุไว้ข้างบรรจุภัณฑ์ หรือขวดน้ำยาปรับผ้านุ่มเพราะหากใช้เกินปริมาณที่แนะนำ นอกจากจะไม่นุ่มมากกว่าเดิมแล้ว ยังทำให้สิ้นเปลืองมากขึ้นกว่าเดิมด้วย การใช้ในเครื่องซักผ้าควรเทใส่ในช่องสำหรับน้ำยาปรับผ้านุ่มเท่านั้น เพราะกระบวนการทำงานของเครื่องซักผ้าจะถูกโปรแกรมให้ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มในตอนที่แช่ผ้าหลังซักเสร็จแล้วเท่านั้น หรือเราเรียกว่า น้ำสุดท้าย ไม่ควรผสมน้ำยาปรับผ้านุ่มกับผงซักฟอก เพราะไม่มีประโยชน์ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงเมื่อใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม
1. ไม่ควรเทน้ำยาปรับผ้านุ่มลงบนเสื้อผ้าโดยตรง เพราะอาจสร้างความเสียหายให้เส้นใยผ้าเมื่อไม่ได้เจือจางด้วยน้ำ2. ควรเก็บน้ำยาปรับผ้านุ่มในที่ที่ไม่ถูกแสงแดดและอยู่ในอุณหภูมิห้องปกติการเก็บน้ำยาปรับผ้านุ่มผิดวิธีจะทำให้น้ำยาข้นเหนียว และเสื่อมสภาพได้อย่างรวดเร็ว
3. ใช้ช้อนสำหรับตวงน้ำยาปรับผ้านุ่มเสมอ การผสมน้ำยาปรับผ้านุ่มกับน้ำยาซักผ้าหรือผงซักฟอก อาจทำให้น้ำยาปรับผ้านุ่มข้นและตกตะกอน
แนะนำ น้ำยาปรับผ้านุ่ม ที่ดีที่สุด
D-nee น้ำยาปรับผ้านุ่ม แบบแกลลอน 3000 มล. (สีชมพู)
คุณสมบัติเด่น D-nee น้ำยาปรับผ้านุ่ม
• น้ำยาปรับผ้านุ่ม แบรนด์ “D-nee”• แบบแกลลอน ความจุ 3000 มล.
• เพื่อกลิ่นหอมอย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับผ้าทุกชนิด
• ผลิตภัณฑ์ช่วยถนอมเสื้อผ้าให้ดูเหมือนใหม่
• ปราศจากสารระคายเคือง เพื่อให้ลูกน้อยของคุณรู้สึกสบายตัวเมื่อสวมใส่เสื้อผ้า
• ผ่านการทดสอบทางการแพทย์ (dermatological proven) ไม่ทำให้เกิดการระคายเคือง
Comfort Ultra Fabric Softener Blue 1600 ml. คอมฟอร์ทอัลตร้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม สีฟ้า 1600 มล. X3
คุณสมบัติเด่น น้ำยาปรับผ้านุ่ม คอมฟอร์ท
• หอมติดทนนาน หอมจริงหอมจัง• ผ้านุ่มน่าสัมผัส
• เข้มข้นมาก ใช้ในปริมาณน้อยก็หอมมาก