-->

การเลือกเว็บโฮสติ้ง อย่างไรให้โดนใจ ไม่โดนหลอก





Laz Flash Sale ลดแรงกว่า 90%
ดีลจำกัดเวลา ให้คุณเลือกซื้อสินค้าราคาพิเศษได้ทุกวัน สินค้าลดราคากับ Flash Sale
Lazada แฟลชเซล จัดเต็มดีลฮิตทุกวัน ช้อปออนไลน์ 24 ชั่วโมง ☆ดีลจำกัดเวลาสุดฮอต ☆ลดราคาแรง ☆สินค้าหลากหลาย

ช้อปเลย





การเลือกเว็บโฮสติ้ง อย่างไรให้โดนใจ ไม่โดนหลอก



การทำเว็บไซต์ในปัจจุบันนี้ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเพื่อเข้ามารองรับการตลาดออนไลน์ หรือ การค้าขายบนอินเตอร์เน็ตที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นการทำเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซเพื่อขายสินค้าต่างๆ เว็บไซต์สำหรับบริการเช่นพวก โรงแรม ที่พัก บ้านเช่าและอื่นๆ หากคุณกำลังคิดที่จะมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองนั้นสิ่งแรกๆ ที่คุณจะต้องพิจารณานั่นก็คือ การวางเว็บไซต์ไว้ที่ไหนดี การว่างเว็บไซต์ในปัจจุบันนี้เราจะนิยมวางเว็บไซต์โดยการฝากเว็บไซต์ของเราไว้กับผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้ง ซึ่งเป็นผู้วางเซิร์ฟเวอร์ และจัดการบริหารเซิร์ฟเวอร์สำหรับให้เว็บไซต์สามารถใช้งานได้




โดยผู้ให้บริการจะมีหน้าที่ในการ ทำให้ระบบสามารถทำงานได้อย่างไม่มีปัญหา และสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับเซิร์ฟเวอร์ให้สามารถใช้งานได้อย่างรวดเร็ว ตลอด 24 ชั่วโมงเพราะเว็บไซต์ไม่มีวันหยุดงาน การหยุดให้บริการหรือการไม่สามารถเข้าเว็บไซต์เพียง 5 นาทีก็ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงกับเว็บไซต์ของคุณ ดังนั้นควรที่จะพิจารณาให้ดีๆ ดังนั้นวันนี้เราจึงมาแนะนำเกี่ยวกับการเลือกใช้บริการเว็บโฮสติ้ง อย่างไร ให้ดีที่สุด

การให้บริการเว็บโฮสติ้งมีแบบไหนบ้าง


ในปัจจุบันเว็บโฮสติ้งสามารถแบ่งบริการออกย่อยได้หลายแบบ ตามลักษณะการใช้งานและขนาดของเว็บไซต์ จำนวนผู้เข้าชมโดยสามารถแบ่งออกได้เป็น

Shared Hosting คือการให้บริการเว็บไซต์หลายๆเว็บบนเซิร์ฟเวอร์ตัวเดียว ซึ่งเว็บไซต์เหล่านี่จะเป็นเว็บไซต์ที่มีจำนวนผู้เข้าชมต่อวันไม่มาก ซึ่งเครื่องเซิร์ฟเวอร์สามารถรับได้อย่างสบาย โดยบางทีในเซิร์ฟเวอร์ 1 เครื่องอาจจะสามารถบรรจุเว็บไซต์ได้ถึง 1000 เว็บไซต์เลยก็ได้ โดยข้อดีของ การใช้ Shared Hosting คือราคาที่ถูกมาก เพียงปีละ 1000-1500 บาทเท่านั้นก็สามารถวางเว็บไซต์ได้แล้ว เหมาะสำหรับวางเว็บไซต์ขนาดเล็ก หรือเว็บไซต์ในช่วงเริ่มต้นที่ยังไม่มีทราฟฟิคมากนัก

VPS หรือ Virtual private server เป็นการแบ่งทรัพยากรของเครื่องเซิร์ฟเวอร์ออกมาย่อยๆด้วยการลงซอฟท์แวร์จำลองเครื่อง โดยเซิร์ฟเวอร์แบบนี้จะสามารถให้บริการเว็บไซต์ที่มี ทราฟฟิค หรือจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ได้มากระดับหนึ่ง อาจจะเป็น 1-2 หมื่นคนต่อวัน ซึ่งเป็นเว็บไซต์ในกลุ่มที่มีการใช้งานเยอะพอสมควร และราคาเช่าก็จะแพงขึ้นมาหน่อยอาจจะอยู่ที่500-2000 บาทต่อเดือน

Dedicated Web Hosting หรือการเช่าเว็บเซิร์ฟเวอร์ทั้งเครื่อง ซึ่งเหมาะสำหรับเว็บไซต์ที่มี ทราฟฟิค หรือการใช้งานจำนวนมากระดับ 1 แสนคนต่อวัน เพราะต้องใช้ทรัพยากรเซิร์ฟเวอร์มากในการจัดการกับข้อมูลต่างๆ ซึ่งเซิร์ฟเวอร์แบบนี้จะมีราคาเช่าต่อเดือนสูงพอสมควร อาจจะแตะหลัก 3000-5000 บาทต่อเดือน

การที่จะตัดสินใจเลือกใช้งานให้เหมาะสมกับเว็บไซต์ของเราที่จะดีที่สุด ในกรณีที่เว็บไซต์ของเรามีผู้มาใช้บริการไม่มากในช่วงแรกๆอาจจะพิจารณาใช้ Shared Hosting ก่อนแล้วหลังจากที่เริ่มมีผู้เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์มากขึ้นจึงเริ่มหาทางขยับขยายไปใช้บริการ พวก VPS หรือ Dedicated Web Hosting เพื่อให้เว็บไซต์สามารถรองรับคนได้เยอะขึ้นนั่นเอง


สิ่งที่ควรพิจารณาเมื่อจะเลือกเช่าเว็บโฮสติ้ง

การทำงานร่วมกันกับผู้ให้บริการนั้นสำคัญมาก โดยเฉพาะการให้ความช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาเว็บไซต์ในกรณีที่เว็บไซต์มีปัญหาหรือเว็บเซิร์ฟเวอร์มีปัญหา การสื่อสารเป็นเรื่องที่สำคัญมากในยามที่เว็บไซต์ของคุณมีปัญหาไม่ว่าจะเกิดขึ้นตอนไหน ภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมงคุณจะต้องสามารถติดต่อกับผู้ให้บริการได้ตลอดเวลา นั่นเป็นสิ่งที่จะต้องมีในการใช้บริการฝากเว็บไซต์กับให้ผู้บริการ หากผู้บริการรายไหนไม่สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้คุณได้อย่างรวดเร็ว และตลอด 24 ชั่วโมงไม่แนะนำให้ไปใช้บริการ นอกจากนั้นแล้วสิ่งต่างๆที่ต้องคำนึงถึงด้วยได้แก่


1.ชนิดของเว็บโฮสติ้งที่ให้บริการ 

มีเครื่องมืออะไรให้ใช้บ้าง ระบบบริหารจัดการเว็บไซต์หรือ Control panel ใช้อะไร เป็น Cpanel หรือ อื่นๆมีบริการแบบไหนบ้าง shared, VPS, dedicated, หรือ fully managed hosting

2.การช่วยเหลือ 

การช่วยเหลือในกรณีที่เกิดปัญหาในการใช้งานสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางใดบ้าง ได้แก่ : email, forums, live chat โทรศัพท์ หรือ ติดต่อที่ออฟฟิศ ซึ่งการติดต่อขอความช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็วนั้นเป็นสิ่งแรกที่จะต้องทำได้ หากเกิดปัญหา เพราะว่าทุกวินาทีมีค่า หากเว็บเกิดปัญหาแล้วไม่ได้รับการติดต่อกลับจากทีมช่วยเหลือ หรือไม่สามารถติดต่อทีมช่วยเหลือได้นั้นเป็นผู้ให้บริการที่แย่ที่สุด แนะนำให้ย้ายออกไปใช้บริการที่อื่น

3.ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ

ผู้ให้บริการมีฟีเจอร์อะไรน่าสนใจในการให้บริการ เช่นไม่จำกัดพื้นที่เก็บข้อมูล ไม่จำกัด แบนด์วิธ ไม่จำกัดจำนวนโดเมน ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถตัดสินใจในการใช้บริการได้ง่ายขึ้น เพราะถ้าเว็บไซต์โดนจำกัดแบนด์วิธ ในกรณีที่เราใช้งานเกิน ซึ่งมักจะเกิดขึ้นเมื่อเว็บไซต์เราเริ่มโตนั้น ทางผู้ให้บริการจะระงับการใช้งานเว็บไซต์ของเรา ซึ่งนั่นเป็นวิธีที่แย่มากๆ เพราะเราลงทุนไปมากมายสุดท้ายมาตกม้าตายเพราะแบนด์วิธเต็ม ซึ่งคุณต้องติดต่อผู้ให้บริการเพื่อขอ อัปเกรด หรือ เพิ่มแบนด์วิธ ซึ่งคุณต้องจ่ายเพิ่ม

4.ตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์

คุณต้องดูว่าเว็บไซต์ของคุณมีกลุ่มเป้าหมายที่ประเทศใดควรใช้บริการเซิร์ฟเวอร์ที่ประเทศนั้นเพราะเหตุผลเรื่องความเร็วในการดาวนโหลดข้อมูลและแสดงผลที่รวดเร็ว เพื่อสร้างประสบการการใช้งานที่ดีให้ผู้เข้าชม ในกรณีที่คุณทำเว็บไซต์เพื่อให้ผู้ใช้บริการทั้งโลก ควรเลือกว่าเซิร์ฟเวอร์หรือเว็บโฮสที่มี ดาต้าเซ็นเตอร์อยู่ที่สหรัฐอเมริกาเป็นหลัก เพราะราคาถูกกว่าที่อื่น และมีความน่าเชื่อถือมากกว่าที่อื่นๆ

5.ความปลอดภัย

จงระลึกไว้เสมอว่าอะไรที่สามารถต่ออยู่กับระบบอินเตอร์เน็ตนั้นสามารถถูกแฮคได้ทั้งหมด ไม่ว่าเร็วหรือช้าการเลือกผู้ให้บริการที่มีความเป็นมืออาชีพในการจัดการเกี่ยวกับความปลอดภัยนั้น จึงควรพิจารณาเป็นอันดับต้นๆ

6.ราคา และค้นหาคำติชมจากผู้ใช้งานรายอื่นๆ

อ่านรีวิวจากผู้ใช้งานเกี่ยวกับผู้ให้บริการรายนั้นๆจะดีที่สุด เพราะว่าพวกเขาได้รับการบริการไปแล้ว และมักที่จะทราบถึงการบริการของผู้ให้บริการนั้นๆว่าเป็นอย่างไร ในกรณีผู้ให้บริการที่มีคนรีวิวในแง่ลบมากๆนั้นควรเลี่ยง เพราะผู้ใช้จริงไม่เคยโกหกกัน และผู้ให้บริการรายนั้นไม่มีความเป็นมืออาชีพจริง

เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับบทความเกี่ยวกับการเลือกผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้ง ให้โดนใจ หวังว่าบทความของเรานั้นคงจะสามารถช่วยคุณได้ไม่มากก็น้อยในการเลือกเช่าเว็บโฮส สำหรับวางเว็บไซต์