วิธีป้องกันสมาร์ตโฟนจากการถูกแฮค
• มีการอัปเดท ระบบปฏิบัติการ และแอปอย่างสม่ำเสมอ นอกจากเพื่อสามารถใช้ฟีเจอร์ใหม่ๆของสมาร์ตโฟนแล้ว ผู้ผลิตก็จะทำการปรับปรุงแก้ไขระบบความปลอดภัยต่างๆของสมาร์ตโฟนมาให้ด้วย มีการแก้ไขช่องโหว่ที่ตรวจพบต่างๆจากผู้ผลิตเลย โดยการอัปเดทดังกล่าวนั้นควรมีการตั้งค่าให้มีการอัปเดทอัตโนมัติ ถ้าทำได้ เพราะจะสะดวกต่อการใช้งาน หรือให้ทำการอัปเดททันทีที่ระบบแจ้งเตือนให้อัปเดท
• หลีกเลี่ยงการใช้งาน Wi-Fi สาธารณะที่ให้บริการฟรีเช่นตาม ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า หรือ สนามบินเด็ดขาด เพราะอาจจะโดนดักจับข้อมูลต่างๆจากเครือข่ายไวไฟปลอมที่แฝงตัวมาในระบบไวไฟดังกล่าวเพื่อทำการหลอกเอาข้อมูลหรือแฮคเอาข้อมูลของเราก็ได้ และในส่วนของการเชื่อมต่อ Bluetooth ก็เช่นกันหากไม่ได้ใช้งานก็ควรปิด เพราะว่า ช่องทางนี้ สามารถทำการแฮคได้ง่ายกว่านั่นเอง
• มีการตั้งรหัสผ่านสำหรับสมาร์ตโฟน ให้ใส่รหัสผ่าน Lock Patterns หรือมีการสแกนใบหน้า หรือ สแกนนิ้วทุกครั้งที่เข้าใช้งานเพราะว่าการมีรหัสผ่านทำให้แฮคเกอร์แฮคได้ยากกว่าแบบไม่มีนั่นเอง หรือในกรณีที่คุณทำโทรศัพท์หล่นหายแล้วมีคนเก็บได้ ก็จะทำให้พวกเขาเหล่านั้นไม่สามารถทำการเข้าถึงข้อมูลสำคัญๆของคุณได้นั่นเอง
• เปิดใช้ TWO-FACTOR AUTHENTICATION หรือ 2FA เป็นวิธีการยืนยันตนรูปแบบหนึ่ง ที่จะต้องให้ผู้ใช้งานใส่รหัสอีกหนึ่งชุด นอกเหนือจาก password ของเรา และรหัสนี้ยังมีเวลาหมดอายุด้วย โดยจะมีอายุประมาณ 20 วินาทีเท่านั้นซึ่งเป็นวิธีที่มีความปลอดภัยสูงมาก และแฮคเกอร์ไม่ถูกใจสิ่งนี้ เพราะว่าแฮคได้ยากมากนั่นเอง
• มีการใช้รหัสผ่านที่คาดเดาได้ยาก โดยมีการใช้การผสมระหว่าตัวอักษร ใหญ่เล็ก ตัวเลขและสัญลักษณ์ในรหัสผ่านด้วย เพราะจะมีความปลอดภัยสูงมาก การแฮคด้วยวิธีธรรมดา อาจจะใช้เวลามากกว่า 10 ปีในการถอดรหัสพาสเวิร์ดดังกล่าว ซึ่งกว่าจะถอดรหัสมาได้เราคงเปลี่ยนรหัสผ่านไปนานแล้ว
• ระวังอีเมล์สแปม และ PHISHING รวมถึง SMS ด้วยเพราะพวกนี้จะหลอกให้เราเข้าไปยังหน้าเว็บหลอกแล้วหลอกให้เราใส่ชื่อผู้ใช้ และรหัสผ่านจากเราไปซึ่งง่ายดายมากกว่าการแฮคโดยตรงอีก และผู้ใช้ส่วนมากก็หลงเชื่อง่ายด้วย เพราะหน้าหลอกที่อีเมล์ หรือ SMS พวกนี้ที่ล่อลวงเราไปนั้นเนียนมาก จนเราอาจจแยกไม่ออก และวิธีนี้เป็นวิธีที่แฮคเกอร์นิยมใช้ในการแฮคเอาบัญชีเว็บต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น PayPal บัญชีธนาคาร หรือ Facebook
• ใช้ระบบป้องกันที่อุปกรณ์มีให้มาเช่นการติดตั้งระบบ Find My Device ที่จะช่วยให้คุณหาอุปกรณ์ของคุณได้กรณีที่หล่นหาย หรือโดนขโมยไป โดยคุณสามารถสั่งลบข้อมูลสำคัญต่างๆในเครื่องได้จากระยะไกล สั่ง ล็อกเครื่องได้ในบางรุ่น และสามารถติดตามเครื่องได้จากแอป ดังกล่าว
• มีการติดตั้งแอป แอนติไวรัสบนสมาร์ตโฟน โดยแอปดังกล่าวสามารถช่วยกลั่นกรองไวรัส และมัลแวร์ที่เป็นอันตรายต่อสมาร์ตโฟนของคุณได้ โดยสามารถเลือกแอปดังกล่าวได้ตามใจเลยเพราะทุกแอปนั้น ทำงานได้ดีไม่ต่างกัน แต่ควรเลือกบริษัทที่เป็นที่รู้จัก น่าเชื่อถือด้วย
• จัดการจำกัดการเข้าถึงของแอป ไม่อนุญาตให้แอปแปลกๆเข้าถึงระบบต่างๆ โดยหากพบว่ามีแอปที่คุณไม่ได้ใช้งาน หรือไม่รู้จักถูกติดตั้งอยู่ในสมาร์ตโฟนของคุณ แนะนำให้ลบแอปทิ้งไปเลยจะปลอดภัยมากที่สุด เพราะแอปที่ไม่ดี อาจแฝงเข้ามาในเครื่องของคุณโดยไม่รู้ตัว
• มีการสำรองข้อมูลสำคัญเป็นประจำ ในกรณีที่เครื่อง หรืออุปกรณ์ของคุณเกิดการสูญหาย หรือโดยแฮคคุณจะยังสามารถกู้คืนไฟล์ที่สำคัญได้บางส่วนนั่นเอง
• ไม่ใช้ที่ชาร์จ สาธารณะ หากไม่จำเป็นเพราะการใช้ที่ชาร์จจะต้องเสียบเข้ายังพอร์ต USB ซึ่งจะทำให้แฮคเกอร์ สามารถเจ้าเข้าสมาร์ตโฟนของคุณผ่านทางช่องทางดังกล่าวได้ได้อย่างง่ายดาย ถ้ากังวลว่าแบตเตอรี่จะหมด ควรมีการพกพา Power Bank สำรองจะเหมาะสมกว่า ซึ่งเราได้เขียนบทความเกี่ยวกับการเลือกซื้อ Power Bank ไว้ที่นี่
• ม่ใช้อุปกรณ์ที่ผ่านการ jailbreaking หรือผ่านการ root เพราะมีการแก้ไขค่าบางอย่างในระบบทำให้ไม่ปลอดภัยมากต่อการใช้งาน
และแน่นอน การป้องกันนั้นดีกว่าแก้ การยอมทำขั้นตอนต่างเพิ่มขึ้นอีกนิดอาจจะทำให้ชีวิต และสุขภาพของสมาร์ตโฟนของคุณปลอดภัยมากกว่าเดิม และอย่าลืมหมั่นติดตามข่าวเกี่ยวกับความปลอดภัยต่างๆในการใช้สมาร์ตโฟนได้จากเว็บไซต์ของเราซึ่งจะมีบทความ อัปเดทเกี่ยวกับความปลอดภัยของสมาร์ตโฟนมาให้อ่านและติดตามกันเรื่อยๆ ละคุณสามารถติดตามเราได้ที่ Fanpage https://www.facebook.com/2232351036885277