นมนั้นเป็นแหล่งโปรตีน และกรดอะมิโนที่สำคัญสำหรับคนเรา โดยมีส่วนประกอบของกรดอะมิโนที่จำเป็นต่างๆมากมายหลายชนิดเพื่อในการใช้งานในร่างกายของเรา และนอกจากนั้นในน้ำนมยังมี แคลเซียม และฟอสฟอรัสอยู่จำนวนมาก ซึ่งใช้ในการสร้างกระดูกและฟัน โดยเฉพาะสำหรับเด็กที่กำลังเจริญเติบโตต้องการแร่ธาตุพวกนี้ในจำนวนมากในการสร้างการเจริญเติบโต ในทุกๆวัยนั้นโดยเฉพาะวัยผู้ใหญ่ที่ต้องมีการได้รับแคลเซียมเพื่อเสริมมวลกระดูกที่หายไปโดยเฉพาะผู้หญิงที่เคยตั้งครรภ์นั้น จำเป็นต้องมีการได้รับแคลเซียมอย่างต่อเนื่องนั่นเอง
แต่ปัญหาหลักๆเลยที่ทำให้ในวัยผู้ใหญ่หลายคนนั้นไม่ยอมดื่นนมอย่างต่อเนื่องน่าจะเกิดจากหลังจากที่ดื่มนมเข้าไปแล้วจะเกิดอาการท้องไส้ปั่นป่วน และมีอาการคล้ายท้องเสีย มีแก๊สเกิดขึ้นในท้องจำนวนมากทำให้ฝายลมทั้งวัน และท้องพองโตจากแก๊สในลำไส้จนทำให้อึดอัดมากในบางราย จึงทำให้คนกลุ่มดังกล่าวนั้นไม่ดื่มนมอีกเลย
สาเหตุดังกล่าวนั้นทางผู้เชี่ยวชาญได้ออกมาบอกว่าอาการดังกล่าวเกิดจากสภาวะ "ไม่ทนต่อแล็กโทส" หรือ "lactose intolerance" โดยภาวะนี้ไม่ใช่การแพ้น้ำนมแต่อย่างใดแต่จะเกิดจากที่ร่างกายของเราเองไม่สามารถทำการย่อยน้ำตาล แลกโตส (lactose) ที่อยู่ในนมได้ เพราะในการที่จะย่อยน้ำตาลดังกล่าวนั้นจะต้องใช้เอนไซม์เฉพาะสำหรับย่อย ซึ่งเอนไซม์ ดังกล่าวคือเอนไซม์แลคเตส หรือเบต้า-กาแล็กโตซิเดส (b-galactosidase)
เพราะว่าร่างกายของคนบางคนที่ไม่ได้ดื่มนมอย่างต่อเนื่องจะทำการหยุดผลิตเอนไซม์ดังกล่าวออกมาเนื่องจากไม่ได้ใช้เป็นเวลานาน จึงทำให้เมื่อกลับมาดื่มนมอีกครั้งจะทำให้น้ำตาลดังกล่าวไม่สามารถทำการย่อยและดูดซึมได้ในลำไส้เล็ก จึงเคลื่อนผ่านมาถึงลำไส้ใหญ่และน้ำตาลแลกโตส จึงถูกย่อยโดยจุลินทรีย์ต่างๆภายในลำไส้ใหญ่ จนทำให้เกิดอาการหมักภายในลำไส้ทำให้เกิดแก๊สจำนวนมาก เป็นสาเหตุให้ท้องไส้ของเราปั่นป่วนและอึดดัด ปวดท้อง ท้องเสีย และมีการผายลมเพื่อระบายแก๊สจำนวนมากนี้
อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญยังได้บอกว่าการดื่มนมอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วัยเด็กจนโตมาเป็นผู้ใหญ่ จะไม่พบอาการดังกล่าวเลยดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องมีการดื่มนมอย่างต่อเนื่องจะดีที่สุดนั่นเอง
โดยน้ำตาลแลคโตสจะพบในน้ำนม และผลิตภัณฑ์จากนมด้วย เช่น นมข้น โยเกิร์ต ครีม ไอศกรีม ซึ่ง
ปริมาณของน้ำตาลแลคโตสในนม และผลิตภัณฑ์จากนมมีต่างกันไปดังนี้
- นมวัว (ขาดมันเนย/พร่องมันเนย/ธรรมดา) 1 แก้ว (250 ml) มีแลคโตส 12 กรัม
- นมแพะ 1 แก้ว (250 ml) มี 9 กรัม
- นมข้น 1 ถ้วย (250 ml) มี 24 กรัม
- ไอศกรีม 1 ถ้วย (250 ml) มี 12 กรัม
- ครีม 1 ถ้วย (250 ml) มี 8 กรัม
- โยเกิร์ต 1 ถ้วย (250 ml) มี 5 กรัม
- ชีส 1 ออนซ์ (28 กรัม) มี 1 กรัม
- เนยและมาการีน มีแลคโตสน้อยมาก
อาหารหลายประเภทก็มีการใส่นม และการปรุงอาหารไม่สามารถทำให้น้ำตาลแลคโตสถูกย่อยได้ ดังนั้นอาหารและเครื่องดื่มที่ใช้นมเป็นส่วนประกอบก็จะมีแลคโตสด้วย เช่น ต้มยำน้ำข้น ครีมซุป ซอสคาโบนาร่า ขนมพุดดิง กาแฟนม เป็นต้น นี่อาจเป็นสำเหตุว่าทำไมเรากินอาหารบางเมนูแล้วเกิดอาการท้องไส้ปั่นป่วน
สำหรับคนที่มี ภาวะ "ไม่ทนต่อแล็กโทส" หรือ "lactose intolerance" ดังกล่าวนั้นในปัจจุบันก็สามารถดื่มนมได้แล้วโดยจะไม่ทำให้เกิดอาการดังกล่าว เพียงเลือกดื่มผลิตภัณฑ์นมที่เป็นนมปราศจากน้ำตาลแลคโตส (lactose-free milk) โดยเป็นนมที่ได้ถูกนำเอาน้ำตาลแลกโตสตัวปัญหาออกไปจากนมด้วยกระบวนการทางการผลิตต่างๆที่ทางผู้ผลิตทำการแยกด้วยกระบวนการต่างๆที่แตกต่างกันในแต่ละยี่ห้อ โดยไม่ส่งผลกระทบใดๆต่อคุณภาพของน้ำนมโดยรวม และสารอาหารต่างๆก็มีครบถ้วน เหมือนกับนมปกติทุกประการเพียงแค่ไม่มีน้ำตาลแลคโตสเท่านั้นเอง นอกจากนั้นทั้งกลิ่น และรสชาติก็ยังเหมือนกันอีกด้วย
นมปราศจากน้ำตาลแลคโตส มียี่ห้อไหนแนะนำบ้าง
สำหรับนม นมวัวแดง ปราศจากน้ำตาลแลคโตส สามารถหาซื้อได้ทั่วไปในท้องตลาดแต่ยี่ห้อที่เราแนะนำนั้นจะมีดังนี้
ซื้อเลย นมวัวแดง ปราศจากน้ำตาลแลคโตส ไทย-เดนมาร์ค
นมวัวแดง ปราศจากน้ำตาลแลคโตส ไทย-เดนมาร์ค ซึ่งนมยี่ห้อนี้ผ่านกรรมวิธีแยกน้ำตาลออกจากนมด้วยวิธีพิเศษ เป็นสินค้าของคนไทยที่มีความน่าเชื่อถือมานับสิบๆปีจึงทำให้มั่นใจในตัวผลิตภัณฑ์ และคุณภาพในการผลิต และในส่วนของรคาที่ไม่แตกต่างจากนมปกติมากนักจึงทำให้เราแนะนำนมแบรนด์นี้
ถ้าหากคุณไม่สามารถหาซื้อนม นมวัวแดง ปราศจากน้ำตาลแลคโตส ได้จากร้านค้าใกล้บ้านคุณยังสามารถทำการสั่งซื้อผ่านทางร้านค้าออนไลน์อย่าง Lazada ได้เลยโดยจะมีบริการส่งถึงหน้าบ้าน พร้อมเก็บเงินปลายทาง