เนื่องจากว่าสัตว์น้ำทั่วไปนั้นสามารถตอบสนองต่อเสียง หรือมีความไวต่อการรับรู้ด้วยเสียง,แสง,คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า และสารเคมี รอบๆตัวของพวกมัน เช่นฝูงปลา Black sea bass จะมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเมื่อถูกรบกวนโดยยานดำน้ำ และสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กบางอย่างก็จะมีการตอบสนองต่อคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าของเรือดำน้ำอีกด้วย โดยระบบตรวจจับในปัจจุบันนั้นสามารถตรวจจับสิ่งเหล่านี้ได้แต่บางครั้งได้ถูกระบุว่ามีความคลาดเคลื่อน
โครงการ PALS ได้รับการพัฒนาเพื่อยกระดับความไวของสิ่งมีชีวิตในมหาสมุทรเพื่อการเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมของพวกเขา” Lori Adornato ผู้จัดการฝ่ายริเริ่มที่บริหารงานโดยสำนักงานโครงการวิจัยขั้นสูงกลาโหมแห่งชาติ Defense Advanced Research Projects Agency (DARPA) กล่าว
การใช้อุปกรณ์ โซนาร์เป็นวิธีการดั้งเดิมในการเฝ้าระวังใต้น้ำ อย่างไรก็ตามฝ่ายตรงข้ามสามารถตรวจจับการ Ping เหล่านั้นได้เช่นกัน และโซนาร์เซ็นเซอร์ก็มีราคาแพงลำบากต่อการติดตั้งและมีแนวโน้มที่จะถูกกัดกร่อน อุปกรณ์ดังกล่าว ชายฝั่งเพื่อเข้าถึงแหล่งพลังงาน ดังนั้นกองทัพเรือใช้การเฝ้าระวังใต้น้ำเป็นหลักในการปกป้องทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงเช่นท่าเรือและเรือบรรทุกเครื่องบิน
ตรงกันข้ามสิ่งมีชีวิตที่มีพลังในตัวเองและสามารถสัมผัสได้ถึงสัญญาณคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า และสารเคมีรวมถึงเสียง “ สิ่งนี้ช่วยให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการสังเกตสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ในมหาสมุทร” Ms Adornato กล่าว นอกจากนี้เซ็นเซอร์เหล่านี้ยัง“ ติดตั้ง” อยู่แล้วในท้องทะเล โดยแต่ละรุ่นจะแทนที่เซ็นเซอร์รุ่นก่อนหน้า คุณสมบัติทั้งหมดเหล่านี้ทำให้สิ่งมีชีวิตในมหาสมุทรที่เหมาะสำหรับการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องในระยะยาว “ ด้วยการใช้ประโยชน์จากสิ่งมีชีวิตคุณสามารถดูการคงอยู่และการครอบคลุมในระดับกว้างเมื่อเทียบกับการใช้เซ็นเซอร์เดียวที่ทำงานได้ดี” Ms Adornato กล่าว
เพื่อดูถึงความเป็นไปได้ DARPA ได้เริ่มให้เงินทุนวิจัยจำนวน 45 ล้านเหรียญแก่ทีมวิจัย 5 ทีมที่แต่ละทีมจะทำการศึกษาสิ่งมีชีวิตทางทะเลที่เฉพาะเจาะจงและการตอบสนองต่อยานพาหนะใต้น้ำ นักวิจัยจะใช้ไฮโดรโฟน, โซนาร์, กล้องและเซ็นเซอร์อื่น ๆ ร่วมกันเพื่อศึกษาและบันทึกพฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต จากนั้นพวกเขาจะวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อคัดกรอง และในที่สุดทีมจะพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถถ่ายทอดสัญญาณที่สามารถส่งให้กองทัพไปใช้งานได้ในอนาคต